views

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการยกเว้นภาษีแก่นายจ้างหรือเจ้าของ สถานประกอบการที่ส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ

วันที่: 10 เมษายน 2555
เลขที่หนังสือ

กค 0702/2904

วันที่

10 เมษายน 2555

ข้อกฎหมาย

มาตรา 65 ทวิ และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

75/38107

ข้อหารือ

          ส. แจ้งว่าตามมาตรา 34 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 (พ.ร.บ. ส่งเสริมฯ) กำหนดให้ "นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการที่มิได้รับคนพิการเข้าทำงานตามจำนวนที่กำหนดตามมาตรา 33 ให้ส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 24 (5) ทั้งนี้ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานออกกฎกระทรวงกำหนดจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องนำส่งเข้ากองทุน"และมาตรา 34 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว กำหนดให้ "นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการซึ่งรับคนพิการเข้าทำงานหรือส่งเงินเข้ากองทุนตามวรรคหนึ่งมีสิทธิได้รับยกเว้นภาษีเป็นร้อยละของจำนวนเงินค่าจ้างที่จ่ายให้แก่คนพิการหรือเงินที่ส่งเข้ากองทุนแล้วแต่กรณี ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายกำหนด" ซึ่งขณะนี้กฎกระทรวง "กำหนดจำนวนคนพิการที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการและหน่วยงานของรัฐจะต้องรับเข้าทำงาน และจำนวนเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการจะต้องนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2554" ได้มีผลบังคับใช้แล้ว โดยมีนายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการฯ เลือกใช้วิธีส่งเงินเข้ากองทุนจำนวนมาก จึงขอทราบว่า เงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการฯ ส่งเข้ากองทุนดังกล่าว สามารถนำไปยกเว้นภาษีเงินได้ หรือไม่ และเป็นไปตามกฎหมายใด พร้อมทั้งขอทราบผลการพิจารณาการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ที่ออกตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 519) พ.ศ. 2554

แนววินิจฉัย

          กรณีมาตรา 34 แห่ง พ.ร.บ. ส่งเสริมฯ กำหนดให้ นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการที่มิได้รับคนพิการเข้าทำงานตามจำนวนที่กำหนดตามมาตรา 33 ต้องส่งเงินเข้ากองทุนตามมาตรา 24 (5) ตามจำนวนที่กำหนดในกฎกระทรวง ซึ่งตามประมวลรัษฎากร ถือว่าเงินที่นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการฯ มีหน้าที่ต้องจ่ายตามกฎหมาย เป็นรายจ่ายตามกฎหมายภาษีอากรได้ ดังนั้น นายจ้างหรือเจ้าของสถานประกอบการฯ สามารถนำรายจ่ายดังกล่าว มาหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามความจำเป็นและสมควร โดยให้นำมาตรา 65 ทวิ และ 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร มาใช้บังคับโดยอนุโลม ทั้งนี้ ตามมาตรา 8 ทวิ แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502 หรือนำมาหักค่าใช้จ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ไม่เป็นรายจ่ายต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร