กค 0706/472
17 มกราคม 2550
มาตรา 65 ตรี มาตรา 77/1 มาตรา 82/3 และมาตรา 86/14 แห่งประมวลรัษฎากร
70/34732
บริษัท ก. ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และประกอบธุรกิจจำหน่ายน้ำหอม น้ำมันหอม
หัวน้ำหอม และผลิตภัณฑ์ที่คล้ายคลึงกัน บริษัทฯ ได้นำเข้าสินค้าโดยมีบริษัท ข. เป็นตัวแทนในการ
นำสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศ ต่อมากรมศุลกากรได้ทำการตรวจสอบกิจการของบริษัทฯ และตรวจพบว่า
บริษัท ข. ในฐานะตัวแทนได้ทำการสำแดงราคาสินค้านำเข้าต่ำกว่าความเป็นจริง จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา
ว่าบริษัทฯ และบริษัท ข. ได้ร่วมกันกระทำผิดฐานสำแดงเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรอันเป็นความผิด
ตามมาตรา 27 และมาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2549 เนื่องจากบริษัทฯ ในฐานะตัวการ
ต้องรับผิดชอบโดยตรงต่อกรมศุลกากรตามกฎหมาย บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการขอให้คณะกรรมการ
เปรียบเทียบทำการเปรียบเทียบคดีเพื่อให้เรื่องระงับไปโดยมิต้องนำคดีขึ้นสู่ศาลตามความในมาตรา
102 และมาตรา 102 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2549 ซึ่งคณะกรรมการเปรียบเทียบของ
กรมศุลกากรได้วินิจฉัยให้บริษัทฯ จะต้องชำระเงินให้แก่กรมศุลกากรเป็นจำนวนเงินทั้งหมด
77,364,321 บาท โดยแบ่งออกเป็น
1. ค่าอากรที่ชำระขาดจำนวน 13,525,893 บาท
2. ค่าปรับอากรอีกสองเท่าของอากรที่ชำระขาดจำนวน 27,051,786 บาท
3. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระขาดจำนวน 12,262,214 บาท
4. เบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มอีกหนึ่งเท่าจำนวน 12,262,214 บาท
5. เงินเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มอีกหนึ่งเท่าจำนวน 12,262,214 บาท
บริษัทฯ จึงขอทราบว่า บริษัทฯ มีสิทธินำเงินที่ต้องชำระให้แก่กรมศุลกากรดังกล่าว มาลงเป็น
รายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือมาเป็นเครดิตภาษีซื้อในการคำนวณ
ภาษีมูลค่าเพิ่มได้หรือไม่
เนื่องจากตามข้อเท็จจริงข้างต้น ปรากฏว่าบริษัทฯ มีฐานะเป็นตัวการในการนำเข้า และต้องรับผิด
ต่อกรมศุลกากรโดยตรงทั้งในทางแพ่งและทางอาญา โดยกรมศุลกากรได้พิจารณาให้บริษัทฯ ในฐานะ
ตัวการผู้นำเข้าตามกฎหมาย ต้องชำระหนี้ภาษีอากรที่เกิดจากการนำเข้าทั้งหมดตามมาตรา 27 และ
มาตรา 99 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2549 และตามมาตรา 15 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร
(ฉบับที่ 9) ดังนั้น การจ่ายเงินดังกล่าว จึงเป็นการจ่ายเพื่อกิจการของบริษัทฯ จึงพิจารณาได้ดังนี้
1. กรณีค่าอากรและค่าปรับอากรตาม 1. และ 2. บริษัทฯ มีสิทธินำค่าอากรและค่าปรับอากรดังกล่าว
มาลงเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิของบริษัทฯ ได้ เนื่องจากเป็นรายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อ
กิจการของบริษัทฯ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (6) แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีค่าภาษีมูลค่าเพิ่มตาม 3. เบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มตาม 4. และเงินเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มตาม 5.
แยกพิจารณาได้ดังนี้
2.1
ภาษีมูลค่าเพิ่มตาม 3. ที่บริษัทฯ ชำระให้กับกรมศุลกากร เข้าลักษณะเป็นภาษีมูลค่าเพิ่ม
ที่บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าได้เสียไปจากการนำเข้าสินค้า ถือเป็นภาษีซื้อตามมาตรา 77/1(18)(ก) แห่ง
ประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงมีสิทธินำภาษีมูลค่าเพิ่มดังกล่าว มาถือเป็นภาษีซื้อในเดือนภาษีที่ชำระ
ภาษีตามการประเมิน ทั้งนี้ ตามมาตรา 82/3 วรรคสี่ มาตรา 84 และมาตรา 86/14 แห่งประมวลรัษฎากร
2.2
เบี้ยปรับภาษีมูลค่าเพิ่มตาม 4. และเงินเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มตาม 5. เป็นเบี้ยปรับและเงินเพิ่ม
ตามประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่มีสิทธินำเบี้ยปรับและเงินเพิ่มดังกล่าว มาหักเป็นรายจ่ายในการ
คำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามมาตรา 65 ตรี (6) แห่งประมวลรัษฎากร