views

ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีเงินบริจาคและการลดหย่อนภาษี

วันที่: 21 พฤษภาคม 2557
เลขที่หนังสือ

กค 0702/3135

วันที่

21 พฤษภาคม 2557

ข้อกฎหมาย

มาตรา 77/2 มาตรา 47(7)(ข) และมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

77/39060

ข้อหารือ

          ประโยชน์พื้นที่คุ้มครอง (protected areas) ที่เป็นแหล่งธรรมชาติ เช่น อุทยานแห่งชาติ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พื้นที่ต้นน้ำ ฯลฯ บนพื้นฐานทางวิชาการ เพื่อเป็นศูนย์รวมของนักวิชาการ นักอนุรักษ์ และผู้ที่มีจิตใจรักธรรมชาติทุกคนที่ประสงค์จะมีส่วนร่วมในการปกป้อง รักษา และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าของชาติ สมาคมฯ ประสงค์จะขอรับบริจาคทุนทรัพย์และสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมฯ รวมทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในการปกป้องรักษาธรรมชาติและทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ดังกล่าว ที่ส่วนราชการไม่อาจให้ความช่วยเหลือได้ทั้งหมด เช่น สิ่งของเครื่องใช้ในการอุปโภคและบริโภคสำหรับการออกลาดตระเวณตรวจตราผืนป่า ค่ารักษาพยาบาล และค่าฌาปนกิจสงเคราะห์ เป็นต้น จึงขอทราบว่า กรณีมีผู้ประสงค์จะบริจาคทุนทรัพย์ให้สมาคมฯ เพื่อนำไปดำเนินกิจกรรมดังกล่าว ผู้บริจาคจะขอลดหย่อนภาษีได้หรือไม่ มีเงื่อนไขอย่างไร และสมาคมฯ จะต้องดำเนินการอย่างไร

แนววินิจฉัย

          1.สมาคมฯ ได้รับการจดทะเบียนจัดตั้งเป็นนิติบุคคล ตามมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สมาคมฯ จึงมีฐานะเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร หากประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ สมาคมฯ มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลจากรายได้ก่อนหักรายจ่ายใดๆ และหากเป็นการประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพ สมาคมฯ มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร กรณีมีผู้บริจาคทุนทรัพย์ให้สมาคมฯ เพื่อนำไปดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของสมาคมฯ ผู้บริจาคไม่มีสิทธินำเงินหรือทรัพย์สินที่บริจาคไปหักเป็นค่าลดหย่อนหรือเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีเงินได้ หากสมาคมฯ ประสงค์จะให้ผู้บริจาคมีสิทธิหักลดหย่อนหรือหักรายจ่ายในการคำนวณภาษีได้ สมาคมฯ ต้องยื่นคำร้องเพื่อขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังพิจารณาประกาศกำหนดให้สมาคมฯ เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47 (7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ หลักเกณฑ์การพิจารณาประกาศกำหนดให้มูลนิธิหรือสมาคมใดเป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลเป็นไปตามประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 531) เรื่อง หลักเกณฑ์การพิจารณาประกาศกำหนดองค์การ สถานสาธารณกุศล สถานพยาบาล และสถานศึกษา ตามมาตรา 47 (7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3 (4)(ข) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 ลงวันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2555

          2.กรณีสมาคมฯ พิจารณาแล้วเห็นว่า การดำเนินการของสมาคมฯ ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ของประกาศกระทรวงการคลังฉบับดังกล่าวแล้ว ให้สมาคมฯ มีคำขอพร้อมเอกสารที่เกี่ยวข้องถึงอธิบดีกรมสรรพากรเพื่อพิจารณาเสนอกระทรวงการคลังประกาศกำหนดให้สมาคมฯ เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศลต่อไป