กค 0706/818
29 มกราคม 2550
มาตรา 67(2) มาตรา 66 วรรคสอง มาตรา 76 ทวิ มาตรา 77/1(10) มาตรา 77/2 มาตรา 80 มาตรา 80/1(2) และมาตรา 80/1(3) แห่งประมวลรัษฎากร
70/34747
บริษัท A ซึ่งเป็นนิติบุคคลจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศฝรั่งเศส และบริษัท M
ซึ่งเป็นนิติบุคคลจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายของประเทศ N บริษัทฯ ทั้งสองดำเนินงานด้านขนส่งสินค้าและ
ผู้โดยสารทางอากาศในลักษณะของสาขาบริษัทต่างประเทศในประเทศไทย โดยสาขาของบริษัทฯ
ทั้งสองได้ทำสัญญาให้ความร่วมมือช่วยเหลือกันในระดับสาขา เพื่อตกลงร่วมกันที่จะให้ความช่วยเหลือ
รวมทั้งบริการทางด้านการปรับปรุงโครงสร้างและนโยบายการบริหารจัดการ งานด้านบุคคล การตลาด
การหาช่องทางเพิ่มปริมาณลูกค้าให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดตลอดจนการแลกเปลี่ยนความรู้
ความเชี่ยวชาญทางด้านเทคนิคต่าง ๆ ให้แก่กัน เพื่อให้เกิดการประหยัดต้นทุนค่าใช้จ่ายและให้การ
บริการเป็นไปตามมาตรฐานเดียวกัน จากนั้นได้ทำการแลกเปลี่ยนจัดส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญและ
หัวหน้าฝ่ายงานที่มีความสามารถในสายงานของแต่ละสายการบินไปทำหน้าที่ต่าง ๆ อีกทั้งทำการ
ประสานงานฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ในอีกสายการบินหนึ่งเพื่อให้ทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพตาม
ระยะเวลาที่จะเห็นเหมาะสม ในขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็ยังอาจปฏิบัติงานให้กับสายการบิน
ของตนเองควบคู่ไปด้วย นอกจากนี้ยังอาจจะได้ทำการแลกเปลี่ยนให้ความร่วมมือสนับสนุนในด้าน
ของการใช้เครื่องมือ อุปกรณ์ ข้อมูลทางคอมพิวเตอร์และซอฟแวร์ที่เกี่ยวข้องระหว่างกันด้วยเช่นกัน
ในส่วนของค่าบริการ จะกำหนดเรียกเก็บเป็นคราวโดยคำนวณจากจำนวนเวลาที่เจ้าหน้าที่ของแต่ละ
สายการบินที่โอนไปทำงานใช้ไปในการทำงานรวมกับค่าบริการเครื่องมืออุปกรณ์ ข้อมูลทาง
คอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์ โดยจะออกใบแจ้งหนี้เรียกเก็บเงินระหว่างกัน บริษัททั้งสองจึงขอทราบว่า
1. รายได้ที่จะเกิดขึ้นจากสัญญาให้ความร่วมมือช่วยเหลือกันในระดับสาขา เข้าลักษณะเป็นรายได้
ที่เกี่ยวข้องหรือเกิดจากการขนส่งทางอากาศ ตามความในมาตรา 67(2) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่
และเข้าลักษณะของการเดินอากาศยานในการจราจรระหว่างประเทศ ตามข้อ 8 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม
แห่งอนุสัญญาระหว่างราชอาณาจักรไทยกับราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อน
และการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากร ในส่วนที่เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้และจากทุน ประกอบกับ
ข้อ 8 วรรคหนึ่ง และวรรคสี่ แห่งอนุสัญญาระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่ง
สาธารณรัฐฝรั่งเศส เพื่อการเว้นการเก็บภาษีซ้อนและการป้องกันการเลี่ยงการรัษฎากร ในส่วนที่
เกี่ยวกับภาษีเก็บจากเงินได้ และตามข้อ 8 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาฯ ของแต่ละประเทศกำหนดให้
เจ้าของประเทศที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่เป็นผู้มีอำนาจจัดเก็บภาษีในเงินได้ รวมถึงวรรคสาม และ
วรรคสี่ แห่งอนุสัญญาฯ ของแต่ละประเทศกำหนดให้เงินได้ซึ่งเกิดจากการเข้ารวมกลุ่มหรือการเข้า
ร่วมธุรกิจของสายการบินถือเป็นเงินได้จากการขนส่งระหว่างประเทศทำนองเดียวกัน
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม รายรับที่เกิดจากการให้บริการช่วยเหลือตามสัญญาให้ความร่วมมือช่วยเหลือกัน
ในระดับสาขา เป็นรายรับที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 77/2
แห่งประมวลรัษฎากรถูกต้องหรือไม่
1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีเงินได้ที่เกิดขึ้นจากสัญญาให้ความร่วมมือช่วยเหลือกันในระดับสาขา
ไม่เข้าลักษณะเป็นเงินได้จากกิจการที่มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการขนส่ง ดังนั้น เงินได้ดังกล่าว
จึงไม่ใช่ส่วนหนึ่งของเงินได้จากการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หากแต่ถือเป็นกำไรธุรกิจ
ฉะนั้น เมื่อสาขาในประเทศไทยของบริษัททั้งสองเป็นผู้ให้บริการแก่อีกฝ่ายจึงถือเป็นกรณีบริษัท
ทั้งสองให้บริการผ่านสถานประกอบการถาวรในประเทศไทยตามข้อ 5 วรรคสอง แห่งอนุสัญญาฯ
ของแต่ละประเทศ สาขาในประเทศไทยของบริษัททั้งสองต้องนำเงินได้ดังกล่าวมารวมคำนวณกำไร
สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทย ตามมาตรา 66 วรรคสอง และมาตรา 76 ทวิ แห่ง
ประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 7 วรรคหนึ่ง แห่งอนุสัญญาฯ ของแต่ละประเทศ
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีสาขาในประเทศไทยของบริษัททั้งสองได้เรียกเก็บค่าบริการตามสัญญา
ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกันในระดับสาขา เข้าลักษณะเป็นการให้บริการในราชอาณาจักร มิใช่
การให้บริการขนส่งระหว่างประเทศโดยอากาศยาน และการให้บริการดังกล่าวไม่เข้าลักษณะการให้
บริการที่กระทำในราชอาณาจักร และได้มีการส่งผลของการให้บริการนั้นไปใช้ในต่างประเทศสาขา
ในประเทศไทยของบริษัททั้งสองจึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7.0 จากค่าบริการ
ที่เรียกเก็บดังกล่าว ทั้งนี้ ตามมาตรา 77/1(10) มาตรา 77/2 มาตรา 80 มาตรา 80/1(2) และมาตรา 80/1(3)
แห่งประมวลรัษฎากร