กค 0811(กม)/1031
2 มิถุนายน 2541
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528
61/26746
บริษัท ก. จำกัด ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตสายพานลำเลียง (CHAIN
ONVEYOR SYSTEM)ประเภทการผลิตเครื่องจักรหรืออุปกรณ์สำหรับงานอุตสาหกรรม บริษัทฯ ได้รับสิทธิ
ประโยชน์ตามพระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน ให้ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลมีกำหนดระยะเวลา
7 ปี นับแต่วันที่เริ่มมีรายได้จากการประกอบกิจการนั้น
"ระบบสายพานลำเลียง" เป็นระบบการขนส่งเคลื่อนย้ายวัสดุที่ใช้ในโรงงาน
อุตสาหกรรมโดยที่ระบบสายพานจะช่วยผ่อนแรงในการขนย้ายชิ้นงานไปผ่านกระบวนการผลิตในแต่ละ
ขั้นตอน จึงจำเป็นต้องคำนึงถึงสายการผลิตตลอดจนการจัดวางเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตทั้งหมดด้วย
ขั้นตอนการผลิตสายพานลำเลียงก่อนจะออกมาเป็นตัวสินค้าตามความต้องการของลูกค้าจะต้องศึกษาระบบ
การผลิตของโรงงานลูกค้า ระบบการทำงานของเครื่องจักรอื่น ๆ ในระบบการผลิต หลังจากนั้นจึงทำ
การออกแบบระบบสายพานลำเลียงแล้วผลิตเป็นสินค้าส่งให้กับลูกค้าพร้อมติดตั้งให้ด้วย มีปัญหาว่า
1. กรณีบริษัทฯ ขายสายพานลำเลียงพร้อมให้บริการติดตั้งโดยคิดราคาสินค้าและ
ค่าบริการติดตั้งรวมกันถือเป็นการขายสินค้า เมื่อผู้ซื้อ (ลูกค้า) ชำระค่าสินค้าที่บริษัทฯ เรียกเก็บ ผู้ซื้อมี
หน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย หรือไม่
2. กรณีที่บริษัทฯ ได้ทำสัญญาประกันสินค้าในความเสียหายของอุปกรณ์หรืออะไหล่ เมื่อ
หมดสัญญาประกันดังกล่าวแล้ว
2.1 บริษัทฯ ได้ทำการซ่อมแซม บำรุงรักษา โดยแยกเป็นค่าอะไหล่และค่าแรง
เมื่อผู้ซื้อ (ลูกค้า) ชำระเงิน ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่
2.2 บริษัทฯ ได้ทำการซ่อมแซม บำรุงรักษา โดยรวมค่าอะไหล่และค่าแรง เมื่อ
ผู้ซื้อ (ลูกค้า) ชำระเงิน ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายหรือไม่
3. กรณีตาม 2. การซ่อมแซมและขายอะไหล่ (เป็นกิจการที่บริษัทฯ ไม่ได้รับการ
ส่งเสริมการลงทุน) ถือว่าเป็นการรับจ้างทำของ ตามมาตรา 587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
แม้จะแยกเป็นค่าอะไหล่และค่าแรงก็ตามถือเป็นการให้บริการ ต้องนำมูลค่าทั้งหมดจากการให้บริการ ซึ่ง
รวมค่าอะไหล่ด้วยมารวมคำนวณเป็นฐานภาษีสำหรับการให้บริการ ตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร
และผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3.0 ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.
4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.
19/2530 ฯ ลงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2530
1. กรณีตามข้อเท็จจริงดังกล่าว บริษัทฯ ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิต
สายพานลำเลียงจำหน่าย แต่บริษัทฯ ได้ให้บริการติดตั้งสายพานลำเลียงเข้ากับเครื่องจักรอื่นในระบบ
การผลิตของลูกค้าด้วย ดังนั้น บริษัทฯ จะมีภาระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ดังนี้
1.1 กรณีการขายสินค้าพร้อมให้บริการติดตั้ง บริษัทฯ จะต้องคำนวณกำไรสุทธิและ
ขาดทุนสุทธิของกิจการผลิตสายพานลำเลียง ซึ่งได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลกับบริการติดตั้งสายพาน
ลำเลียง ซึ่งไม่ได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลแยกต่างหากจากกัน ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องแยกราคา
สินค้าและค่าบริการออกต่างหากจากกันเสมอ ส่วนของราคาสินค้าที่แยกถือเป็นการขายสินค้าสำหรับส่วน
ของค่าบริการที่แยกถือเป็นการให้บริการรับจ้างทำของ
1.2 กรณีการขายสินค้าไม่ว่าผู้รับเงินได้จะได้รับการส่งเสริมการลงทุนหรือไม่ ผู้จ่าย
เงินได้ค่าสินค้าไม่อยู่ในบังคับต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ
เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมิน ตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
สำหรับการให้บริการรับจ้างติดตั้งสายพานลำเลียงเป็นกิจการที่บริษัทฯ ไม่ได้รับการ
ส่งเสริมการลงทุน ผู้จ่ายเงินได้จึงต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 ของค่าบริการ
ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528
2. กรณีตาม 2. การซ่อมแซมและขายอะไหล่ (เป็นกิจการที่บริษัทฯ ไม่ได้รับการส่งเสริม
การลงทุน) ถือว่าเป็นการรับจ้างทำของ ตามมาตรา 587 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แม้จะ
แยกเป็นค่าอะไหล่และค่าแรงก็ตามถือเป็นการให้บริการ ต้องนำมูลค่าทั้งหมดจากการให้บริการ ซึ่งรวม
ค่าอะไหล่ด้วยมารวมคำนวณเป็นฐานภาษีสำหรับการให้บริการ ตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร
และผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 3.0 ตามคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.
4/2528 ฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.
19/2530 ฯ ลงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2530