กค 0706(กม.03/750
29 สิงหาคม 2548
มาตรา 2 มาตรา 47(7)(ข) และมาตรา 65 ตรี (3)
68/33578
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) จะมีสถานะเป็นองค์การของรัฐบาลตามมาตรา 69 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากรหรือไม่ และกรณีที่มีผู้บริจาคเงินให้กับสำนักงานฯ จะถือได้ว่าเป็นเงินที่บริจาคเป็นสาธารณประโยชน์แก่สถานศึกษาตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร หรือถือเป็นรายจ่ายเพื่อการศึกษาตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร ตามที่ได้กำหนดไว้ในประมวลรัษฎากรหรือไม่
1.เนื่องจากสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ มีฐานะเป็นองค์การมหาชน ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2547 มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้มีโอกาสแสวงหาและพัฒนาความรู้ความสามารถต่าง ๆ โดยผ่านกระบวนการเรียนรู้สาธารณะจากกิจกรรมที่หลากหลายและกว้างขวางอันเป็นการเรียนรู้ตลอดชีวิตเพื่อเป็นการสะสมและเสริมสร้างปัญญา ขยายฐานความรู้ สร้างสรรค์และพัฒนาคุณภาพความคิดของประชาชนและเยาวชน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาบุคลากรของชาติ โดยมีหน่วยงานเฉพาะด้านภายในสำนักงานฯ ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ดำเนินกิจกรรมในด้านต่าง ๆ จำนวน 7 หน่วยงาน ทุนและทรัพย์สินตลอดจนเงินและรายได้ของสำนักงานฯ มาจากเงินทุนประเดิมและเงินอุดหนุนที่รัฐบาลจัดสรรให้ รวมถึงเงินอุดหนุนจากภาครัฐหรือองค์การอื่น ๆ และเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้อุทิศบริจาคให้ ตามมาตรา 9 แห่งพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และโดยที่มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 ได้กำหนดให้สำนักงานฯ ที่จัดตั้งตามพระราชกฤษฎีกานี้เป็นหน่วยงานของรัฐและเป็นนิติบุคคล ดังนั้น สำนักงานฯ จึงเข้าลักษณะเป็น องค์การของรัฐบาล ตามมาตรา 2 แห่งประมวลรัษฎากร
2.สำนักงานฯ มีวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่หลักตามมาตรา 6(1) และมาตรา7(1) แห่งพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2547 คือ เป็นองค์กรการเรียนรู้ขนาดใหญ่ที่สมบูรณ์ หลากหลาย และเป็นองค์กรนำทางด้านฐานความรู้ โดยมีหน้าที่ดำเนินการจัดให้มีระบบการเพิ่มและเผยแพร่ความรู้ และการเรียนรู้เพื่อการสร้างสรรค์ทางปัญญา ไม่ว่าโดยผ่านสิ่งพิมพ์ สิ่งตีพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือสื่อเทคโนโลยีอื่นใดอันทันสมัยซึ่งสามารถดึงดูดความสนใจการเรียนรู้ได้ ทั้งนี้ ในการดำเนินตามวัตถุประสงค์และอำนาจหน้าที่หลักของสำนักงานฯ ได้ดำเนินการเป็นไปตามแนวทางจัดการศึกษาตามหมวด 4 แนวทางการจัดการศึกษา แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และเข้าลักษณะเป็นสถานศึกษาขององค์การของรัฐบาล ดังนั้น
2.1 บุคคลธรรมดาที่บริจาคเงินให้แก่สำนักงานฯ มีสิทธินำเงินบริจาคมาหักเป็นค่าลดหย่อนในการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร
2.2 บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่บริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่สำนักงานฯ มีสิทธินำไปหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร