กค 0706/7832
19 กันยายน 2548
มาตรา 103(3) และ มาตรา 113 ข้อ 1
68/33575
1. กรณีตราสารที่ถูกกำหนดให้ชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์อากร ซึ่งกำหนดให้ชำระเดือนละ 2 งวด โดยงวดแรก ค่าอากรที่ต้องชำระอากรเป็นตัวเงินตั้งแต่วันที่ 1 15 ของเดือน ต้องนำไปยื่นและชำระภายในวันที่ 22 ของเดือนเดียวกัน และงวดที่สอง ค่าอากรที่ต้องชำระเป็นตัวเงินตั้งแต่วันที่ 16 ถึงวันสุดท้ายของเดือน ต้องนำไปยื่นและชำระภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป จึงขอหารือว่าวันปิดแสตมป์บริบูรณ์คือเมื่อใด และผู้มีหน้าที่เสียอากรจะต้องนำตราสารดังกล่าวไปชำระอากรเป็นตัวเงินภายในวันที่เท่าใด จึงจะไม่เสียเงินเพิ่มอากร
2.บริษัท ก เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างได้ทำสัญญาจ้างกับส่วนราชการวงเงิน 500,000 บาท เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2548 ซึ่งกรณีดังกล่าวประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 37)ฯ ลงวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2538 กำหนดให้บริษัท ก จะต้องชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อากรแสตมป์ โดยต้องนำตราสารมาสลักหลังตามระเบียบของกรมสรรพากรก่อนกระทำตราสารหรือภายใน 15 วัน นับแต่วันถัดจากวันกระทำตราสารตามข้อ 3(3) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับดังกล่าว จึงขอหารือว่า วันปิดแสตมป์บริบูรณ์คือเมื่อใด และผู้มีหน้าที่เสียอากรจะต้องนำตราสารมาชำระอากรเป็นตัวเงินอย่างช้าที่สุดเมื่อใด จึงจะไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอากร
1.กรณีตราสารที่ถูกกำหนดให้ชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์อากรตามข้อ 6 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 37)ฯ ลงวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2538 ได้กำหนดให้ชำระเดือนละ 2 งวดคือ งวดแรก ค่าอากรที่ต้องชำระหรือได้รับเป็นตัวเงินตั้งแต่วันที่ 1 ถึงวันที่ 15 ของเดือนให้นำไปยื่นชำระภายในวันที่ 22 ของเดือนเดียวกันและงวดที่สองค่าอากรที่ต้องชำระหรือได้รับเป็นตัวเงินตั้งแต่วันที่ 16 ถึงวันสุดท้ายของเดือนให้นำส่งภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไปกรณีดังกล่าววันปิดแสตมป์บริบูรณ์ คือ วันที่ผู้ต้องเสียอากรนำเงินค่าอากรที่ต้องชำระหรือได้รับเป็นตัวเงินไว้จากผู้ที่ต้องเสียอากรไปชำระ ณ สถานที่และภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ทั้งนี้ ตามมาตรา 103(3) แห่งประมวลรัษฎากรประกอบกับข้อ 6 และข้อ 7 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 37)ฯ ลงวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2538
สำหรับกรณีผู้มีหน้าที่เสียอากรจะต้องนำตราสารไปยื่นขอชำระอากรเป็นตัวเงินภายในวันใดจึงไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอากรนั้น เมื่อพิจารณาจากมาตรา 113 ข้อ 1 กำหนดว่า ถ้าตราสารที่มิได้ปิดแสตมป์บริบูรณ์นั้นเป็นตราสารที่กระทำขึ้นในประเทศไทย เมื่อผู้ขอเสียอากรได้ยื่นตราสารนั้นต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อเสียอากรภายใน 15 วัน นับแต่วันต้องปิดแสตมป์บริบูรณ์ ก็ให้อนุมัติให้เสียเพียงอากรตามอัตราในบัญชีท้ายหมวดนี้... ดังนั้น กรณีดังกล่าวหากผู้มีหน้าที่เสียอากรได้นำตราสารไป ยื่นขอชำระอากรเป็นตัวเงินภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ 22 ของเดือนเดียวกันหรือนับแต่วันที่ 7 ของเดือนถัดไป ผู้มีหน้าที่เสียอากรมีหน้าที่เสียอากรเพียงจำนวนอากรตามอัตราในบัญชีอัตราอากรแสตมป์โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอากร ตามมาตรา 103(3) และมาตรา 113 ข้อ 1 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 6 และข้อ 7 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับดังกล่าว
2.กรณีบริษัท ก ทำสัญญารับเหมาก่อสร้างกับส่วนราชการวงเงิน 500,000 บาท เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2548 กรณีดังกล่าวบริษัท ก ผู้รับจ้างเป็นผู้มีหน้าที่เสียอากรตามลักษณะแห่งตราสาร 4 จ้างทำของซึ่งถูกกำหนดวิธีการชำระอากรเป็นตัวเงินแทนการปิดแสตมป์ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อากรแสตมป์ โดยต้องนำตราสารมาสลักหลังตามระเบียบของกรมสรรพากรก่อนกระทำตราสารหรือภายใน 15 วัน นับแต่วันถัดจากวันกระทำตราสารนั้นตามข้อ 2(3) และข้อ 3(3) ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรเกี่ยวกับอากรแสตมป์ (ฉบับที่ 37)ฯ ลงวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2538 ดังนั้น วันปิดแสตมป์บริบูรณ์คือ วันที่บริษัท ก ได้ชำระอากรเป็นตัวเงินต่อพนักงานเจ้าหน้าที่อากรแสตมป์ โดยนำตราสารมาสลักหลังตามระเบียบของกรมสรรพากรก่อนกระทำตราสารหรือภายใน 15 วันนับแต่วันถัดจากวันกระทำตราสาร (ภายในวันที่ 1-15 เมษายน 2548) และบริษัท ก มีสิทธิชำระอากรเป็นตัวเงิน ณ สถานที่และภายในกำหนดเวลาตามที่กล่าวใน 1 คือ ภายในวันที่ 22 เมษายน 2548 และหากบริษัท ก นำตราสารไปยื่นขอชำระอากรเป็นตัวเงินภายใน 15 วันนับแต่วันที่ 22 เมษายน 2548 บริษัท ก ผู้มีหน้าที่เสียอากรมีหน้าที่เสียอากรเพียงจำนวนอากรตามอัตราในบัญชีอัตราอากรแสตมป์ โดยไม่ต้องเสียเงินเพิ่มอากร ตามมาตรา 103(3) และมาตรา 113 ข้อ 1 ประกอบกับข้อ 6 และข้อ 7 ของประกาศอธิบดีกรมสรรพากรฉบับดังกล่าว