กค 0706/9360
17 กันยายน 2550
มาตรา 40(5) มาตรา 65 และมาตรา 81(1)(ต) แห่งประมวลรัษฎากร
70/35315
บริษัทฯ ประกอบกิจการให้บริการสาธารณูปโภค ให้เช่าพื้นที่สำหรับขายสินค้าและดูแลจัดการพื้นที่ตลาดนัด งานแสดงสินค้า จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ. 01) เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2548 บริษัทฯทำสัญญาเช่าอาคารพาณิชย์ กับ บริษัท A เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2548 โดยบริษัทฯ ได้เช่าที่ดินจากบุคคลธรรมดาเพื่อปลูกสร้างอาคารพาณิชย์ให้แก่ผู้เช่าตามสัญญาเช่าดังกล่าว อาคารที่ให้เช่าตามสัญญาฯมีลักษณะเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 1 ชั้น ขนาดกว้างประมาณ 12 เมตร ยาวประมาณ 25 เมตร เนื้อที่ประมาณ 300 ตารางเมตรหลังคาเป็นดาดฟ้าคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือมุงกระเบื้องมีกำหนดระยะเวลาการเช่า 11 ปี 11 เดือน เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2548 สิ้นสุดในวันที่ 10 พฤษภาคม 2560 โดยบริษัท A ผู้เช่าต้องจ่ายเงิน ดังนี้
1. เงินประกันความเสียหายผู้เช่าชำระให้จำนวนหนึ่งเมื่อมีการลงนามในบันทึกข้อตกลงหลักเกี่ยวกับการเช่า และส่วนที่เหลือจะชำระในวันทำสัญญาเช่าดังกล่าว เมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่าบริษัทฯต้องคืนเงินประกันโดยไม่มีดอกเบี้ยให้แก่ผู้เช่าภายใน 15 วัน นับจากวันที่สัญญาเช่าสิ้นสุด ทั้งนี้ผู้เช่ามีสิทธิหักเงินประกันเพื่อชดใช้ความเสียหายใดๆ ที่มีขึ้นต่อผู้ให้เช่าและสถานที่เช่า
2 เงินค่าตอบแทน ผู้เช่าชำระจำนวนเงิน 1 ล้านบาทถ้วนเมื่อผู้ให้เช่าส่งมอบสถานที่เช่าให้แก่ผู้เช่า และอีกจำนวนเงิน 1 ล้านบาทถ้วน ในวันแรกที่เช่าเปิดสถานที่เช่าเพื่อประกอบกิจการค้าโดยผู้เช่าจะต้องเริ่มประกอบกิจการค้าภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ผู้เช่าได้รับมอบสถานที่เช่าจากผู้ให้เช่า ตามสัญญาเช่ากำหนดว่าเงินค่าตอบแทนดังกล่าว ไม่ถือว่าเป็นเงินค่าเช่าล่วงหน้าหรือเงินช่วยค่าก่อสร้างสถานที่เช่าแต่อย่างใดผู้เช่ายินดีและเต็มใจให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ให้เช่าโดยเด็ดขาดทันทีที่ผู้เช่าชำระให้แก่ผู้ให้เช่าโดยผู้เช่าไม่มีสิทธิและไม่มีความประสงค์จะขอรับคืนแต่อย่างใดและไม่ว่าในกรณีใดๆทั้งสิ้น รวมถึงแม้การเช่าจะระงับสิ้นสุดลงเพราะกำหนดอายุสัญญาเช่าหรือไม่ว่าเพราะกรณีใดๆ ก็ตาม
บริษัทฯ ขอทราบว่า
(1) บริษัทฯ ต้องนำเงินประกันความเสียหายมาเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือไม่
(2) บริษัทฯ ต้องนำเงินค่าตอบแทนมาเฉลี่ยเป็นรายได้ตามอายุสัญญาเช่าเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ใช้หรือไม่
ภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินประกันความเสียหาย และเงินค่าตอบแทนดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯต้องนำเงินที่ได้รับมารวมเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล โดยนำมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มให้เช่าทรัพย์สินหรือจะนำรายได้นั้นมาเฉลี่ยตามส่วนแห่งจำนวนปีตามสัญญาเช่าและนำมารวมคำนวณเป็นรายได้ในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชีนับแต่รอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มให้เช่าทรัพย์สินก็ได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 3.4ของคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 1/2528 เรื่อง การใช้เกณฑ์สิทธิในการคำนวณรายได้และรายจ่ายของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ลงวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2528
ภาษีมูลค่าเพิ่ม เงินประกันความเสียหาย และเงินค่าตอบแทนดังกล่าวถือเป็นส่วนหนึ่งของค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ ได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 81(1)(ต) แห่งประมวลรัษฎากร