กค 0702/6825
22 กันยายน 2557
รายจ่ายเพื่อการศึกษา
77/39277
โรงเรียน ส. ขอหารือเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา กรณีการยกเว้นภาษีเงินได้ที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษา โดยมีข้อเท็จจริงว่า โรงเรียนฯ ได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเป็นโรงเรียน ประเภท มัธยมศึกษา เลขที่ใบอนุญาต มีนาย จ.เป็นผู้รับใบอนุญาตโรงเรียนฯ จึงเป็นโรงเรียนเอกชนในระบบตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชน ต่อมาเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2543 ได้มีการอนุญาตให้เปลี่ยนแปลงผู้ลงนามแทนผู้รับใบอนุญาตเป็น นาย ฉ. ตามใบอนุญาตเลขที่ .. เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 นาย ฉ.ได้อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 แต่งตั้งนาย ส. เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน เนื่องจากมีศิษย์เก่า และผู้ปกครองของนักเรียนแสดงความจำนงบริจาคเงินให้แก่โรงเรียนฯ จึงได้สอบถามโรงเรียนฯ เกี่ยวกับพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 558) พ.ศ. 2556 มาตรา 3 กรณีบุคคลธรรมดาบริจาคเงินให้สถานศึกษา ซึ่งได้บริจาคระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2556 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 จะได้รับยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนตามมาตรา 47 (1) (2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินที่บริจาคหรือไม่ เนื่องจากโรงเรียนฯ ไม่มีชื่ออยู่ในรายชื่อมูลนิธิ สมาคม สถานสาธารณกุศล ที่ผู้มีเงินได้มีสิทธิขอหักลดหย่อนเงินบริจาคได้ ซึ่งผู้บริจาคเงินมีความประสงค์จะนำใบเสร็จรับเงินไปขอลดหย่อนภาษีเงินได้เป็นจำนวนสองเท่าของเงินบริจาค โรงเรียนฯ จึงขอทราบแนวปฏิบัติหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการรวมถึงการออกเอกสารรับรองด้วย
1. กรณีโรงเรียนฯ ได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งเป็นโรงเรียนเอกชนในระบบ โรงเรียนฯ จึงเป็นนิติบุคคลนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต และให้ผู้รับใบอนุญาตเป็นผู้แทนของโรงเรียนฯ ตามมาตรา 24แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ. 2550 จึงเข้าลักษณะเป็นสถานศึกษา ตามมาตรา 3 วรรคสามแห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 558) พ.ศ. 2556 โดยสถานศึกษาดังกล่าวไม่จำต้องเป็นสถานศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบและประกาศกำหนด ดังนั้น กรณีผู้บริจาคเงินซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาบริจาคเงินให้แก่โรงเรียนฯ และได้บริจาคระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2556 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2558 ย่อมได้รับยกเว้นภาษีสำหรับเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อน ตามมาตรา 47 (1)(2) (3) (4) (5) หรือ (6) แห่งประมวลรัษฎากร เป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับเงินได้ที่ได้รับยกเว้นสำหรับการจ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษาสำหรับโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบต้องไม่เกินร้อยละสิบของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนนั้น ทั้งนี้ตามมาตรา 3 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 558) พ.ศ. 2556
2. กรณีรายชื่อสถานศึกษาที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลและปรากฏบนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร เป็นรายชื่อของสถานศึกษาตามโครงการที่กระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นชอบและประกาศกำหนดซึ่งผู้บริจาคจะได้รับยกเว้นภาษีเป็นจำนวนสองเท่าของจำนวนเงินหรือรายจ่ายที่บริจาค เพื่อสนับสนุนการศึกษาที่ได้จ่ายให้แก่สถานศึกษาดังกล่าว ตามพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 420) พ.ศ. 2547 โดยกระทรวงศึกษาธิการจะจัดส่งรายชื่อสถานศึกษาดังกล่าวให้กรมสรรพากรนำขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์ของกรมสรรพากร