กค 0702/9653
12 พฤศจิกายน 2556
มาตรา 47 และมาตรา 65 ตรี แห่งประมวลรัษฎากร
76/38803
วัด พ. ขอคำแนะนำในการออกใบอนุโมทนาบัตรเพื่อนำเงินไปสร้างวัดไทยในต่างประเทศ โดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ดังนี้
1. วัด ธ. สหรัฐอเมริกา ได้ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2526 อยู่ในความอุปถัมภ์ของวัด พ. ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างพระอุโบสถศาลา ญสส. 100 ปี เพื่อฉลองพระชันษา 100 ปี สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก 3 ตุลาคม 2556 และเป็นการส่งเสริมการฝึกอบรมพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ใช้งบประมาณการก่อสร้าง 2,000,000 ดอลล่าร์ซึ่งได้รับความเมตตาความอนุเคราะห์จาก เจ้าอาวาสวัด พ. อนุญาตให้จัดกิจกรรมเพื่อรับบริจาคทรัพย์สมทบทุนในการก่อสร้าง การนี้มีผู้มีจิตศรัทธาซึ่งเป็นบุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคทรัพย์และขอรับใบอนุโมทนาบัตรเพื่อการลดหย่อนภาษี โดยวัด พ. จะดำเนินการเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาคเฉพาะในโครงการข้างต้น ในนาม "วัด พ. เพื่อร่วมสร้างอุโบสถศาลา ณ วัด ธ. สหรัฐอเมริกา"
2. นาย ก. ไวยาวัจกรวัด พ. ได้ขอคำแนะนำว่า
2.1 วัดในต่างประเทศสามารถออกใบอนุโมทนาบัตรได้หรือไม่ และนำมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในประเทศไทยได้หรือไม่
2.2 มีวิธีใดที่จะให้ใบอนุโมทนาบัตรสามารถลดหย่อนภาษีได้
2.3 วัด พ. จะดำเนินการเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาคเฉพาะในโครงการข้างต้น ในนาม "วัด พ. เพื่อร่วมสร้างอุโบสถศาลา ณ วัด ธ. สหรัฐอเมริกา" ใบอนุโมทนาบัตรที่ออกในนามของวัดผู้มีจิตศรัทธาบริจาคนำไปหักลดหย่อนภาษีได้หรือไม่
1. กรณีตาม 2.1 วัดในต่างประเทศออกใบอนุโมทนาบัตรได้เนื่องจากการออกใบอนุโมทนาบัตรนั้นก็เพื่อเป็นหลักฐานการรับบริจาคเพื่อแสดงได้ว่า ผู้บริจาคได้บริจาคให้วัดและวัดได้รับบริจาคจริงใบอนุโมทนาบัตรที่ผู้บริจาคได้รับจะสามารถนำมาหักลดหย่อนหรือถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณภาษีได้หรือไม่นั้น ต้องเป็นใบอนุโมทนาบัตรที่ออกให้ในกรณีที่ผู้รับบริจาคเป็นวัดในพระพุทธศาสนา วัดดังกล่าวจะต้องจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 ด้วย จึงจะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี ดังนี้
(1) กรณีบุคคลธรรมดาบริจาคเงินให้แก่วัด บุคคลธรรมดานั้นมีสิทธิหักลดหย่อนเงินบริจาคในการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ได้เท่าจำนวนที่บริจาคแต่ต้องไม่เกินกว่าร้อยละ 10 ของเงินได้ที่เหลือหลังจากหักลดหย่อน ตามมาตรา 47(1)(2)(3)(4)(5) หรือ(6) แล้ว และต้องบริจาคเป็นเงินเท่านั้น หากบริจาคเป็นทรัพย์สินผู้บริจาคไม่มีสิทธินำมาหักลดหย่อนในการคำนวณเงินได้สุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทั้งนี้ตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร
(2) กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลบริจาคเงินหรือทรัพย์สินให้แก่วัดเข้าลักษณะเป็นรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลนั้น มีสิทธินำเงินหรือมูลค่าของทรัพย์สินที่บริจาคมาหักเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ ตามมาตรา 65 ตรี (3) แห่งประมวลรัษฎากร
2. กรณีตาม 2.2 วัด ธ. ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา จัดตั้งขึ้นตามความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม และตามข้อบังคับของทางการประเทศนั้นๆ แต่ไม่ได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แต่อย่างใด ดังนั้น วัด ธ. จึงมิใช่องค์การหรือสถานสาธารณกุศล ตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2) เรื่อง กำหนดองค์การสถานสาธารณกุศลสถานพยาบาลและสถานศึกษา ตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร และมาตรา 3(4)(ข) แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239)พ.ศ.2534 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 254) พ.ศ. 2535 ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2535 กรณีดังกล่าวผู้ที่บริจาคเงินให้วัด ธ. จึงไม่มีสิทธินำใบอนุโมทนาบัตรที่วัดออกให้มาใช้เป็นหลักฐานในการหักลดหย่อนภาษีได้ตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร
3. กรณีตาม 2.3 วัด พ. จะดำเนินการเปิดบัญชีเพื่อรับบริจาคเฉพาะในโครงการข้างต้น ในนาม "วัด พ. เพื่อร่วมสร้างอุโบสถศาลา ณ วัด ธ. สหรัฐอเมริกา" การบริจาคเงินให้กับวัดที่ผู้บริจาคมีสิทธิที่จะนำใบอนุโมทนาบัตรที่ทางวัดออกให้ มาใช้เป็นหลักฐานในการหักลดหย่อนภาษีได้นั้น ต้องเป็นวัดที่ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทยและมีฐานะเป็นวัดตามมาตรา 31 แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.2505 จึงถือว่าเป็นการบริจาคให้กับวัดวาอารามตามมาตรา 47(7)(ข) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 2 ของประกาศกระทรวงการคลัง ว่าด้วยภาษีเงินได้และภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 2) ฯ ลงวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ.2535 ดังนั้นผู้บริจาคที่ได้รับใบอนุโมทนาบัตรที่วัด พ. ออกให้จึงได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี