กค 0706/12467
26 ธันวาคม 2550
คำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528ฯ
70/35538
กลุ่มบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ขายรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุได้ขายรถยนต์ โดยมีส่วนลดในราคารถยนต์ให้แก่ลูกค้าซึ่งซื้อรถยนต์ เพื่อนำไปใช้ส่วนบุคคล หรือนำไปใช้เพื่อดำเนินธุรกิจการค้าเท่านั้น ลูกค้าบางรายจะชำระเป็นเงินสดทั้งจำนวน หรือ บางรายจะชำระเงินดาวน์บางส่วนและราคาส่วนที่เหลือจะชำระผ่านบริษัทไฟแนนซ์ กรณีการชำระราคาด้วยวิธีให้ บริษัทไฟแนนซ์เป็นผู้ชำระราคาแทนลูกค้าไปก่อนนี้ กลุ่มบริษัทฯ จะดำเนินการจัดทำเอกสารการรับชำระราคาในนาม ของบริษัทไฟแนนซ์ โดยมิได้ทำเอกสารมอบให้แก่ลูกค้าผู้ซื้อรถยนต์แต่อย่างใด สำนักงานฯ จึงมีความเห็นว่า การขาย รถยนต์ด้วยวิธีที่ลูกค้าชำระราคาผ่านบริษัทไฟแนนซ์ มีลักษณะเป็นการที่ลูกค้ากู้ยืมเงินมาจากบริษัทไฟแนนซ์เพื่อชำระ ราคา ไม่ได้มีลักษณะเป็นการที่กลุ่มบริษัทฯ ขายรถยนต์ให้แก่บริษัทไฟแนนซ์เพื่อนำไปขายต่อให้แก่ลูกค้า หรือบริษัท ไฟแนนซ์กระทำการเป็นผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ให้แก่กลุ่มบริษัทฯ แต่อย่างใด ดังนั้น การที่กลุ่มบริษัทฯ ให้ส่วนลดการขาย จึงยังคงเป็นการให้ส่วนลดแก่ลูกค้าผู้ซื้อ เมื่อลูกค้าไม่ได้ซื้อรถยนต์เพื่อนำไปขายต่อ กลุ่มบริษัทฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษี เงินได้ ณ ที่จ่ายสำหรับมูลค่าส่วนลดที่ให้แก่ลูกค้า ตามมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 12/2 ของ คำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ถูกต้องหรือไม่
การที่ลูกค้าซื้อรถยนต์ด้วยวิธีให้บริษัทไฟแนนซ์ชำระราคาแทนให้กลุ่มบริษัทฯ ไปก่อนแล้วลูกค้าผู้ซื้อจึงจะชำระ ราคารถยนต์ให้แก่บริษัทไฟแนนซ์นั้น เมื่อลูกค้าชำระราคาครบถ้วนแล้ว กรรมสิทธิ์ในรถยนต์จึงจะตกเป็นของลูกค้า และ บริษัทไฟแนนซ์จึงจะทำการจดเปลี่ยนแปลงชื่อในสมุดคู่มือทะเบียนรถยนต์จากชื่อของบริษัทไฟแนนซ์มาเป็นชื่อของลูกค้า หากลูกค้าผิดนัดไม่ชำระราคาเป็นจำนวนคราวตามที่กำหนดไว้ในสัญญา บริษัทไฟแนนซ์มีสิทธิที่จะทำการยึดรถยนต์คืน จากลูกค้าพร้อมกับริบเงินค่าราคารถยนต์ที่ลูกค้าได้ชำระมาก่อนแล้ว จึงเห็นได้ว่า สัญญาระหว่างบริษัทไฟแนนซ์กับลูกค้า เป็นสัญญาซื้อขายแบบมีเงื่อนไขที่กรรมสิทธิ์ในรถยนต์ยังมิได้โอนไปเป็นของลูกค้าโดยเด็ดขาดจนกว่าลูกค้าจะชำระราคา ให้บริษัทไฟแนนซ์ครบถ้วน กรณีจึงถือได้ว่า กลุ่มบริษัทฯ ได้ขายรถยนต์ให้แก่บริษัทไฟแนนซ์พร้อมกับรับชำระราคา มาก่อน ต่อมาบริษัทไฟแนนซ์จะได้นำไปขายพร้อมกับรับชำระราคาจากลูกค้าเป็นงวด ๆ ตามเงื่อนไขในสัญญาที่ตกลงกัน ดังนั้น ส่วนลดที่กลุ่มบริษัทฯ ได้ให้ในการขายรถยนต์ในกรณีนี้ จึงมิใช่เป็นการให้ส่วนลดแก่ลูกค้าผู้ซื้อรถยนต์ที่เป็นผู้บริโภค แต่อย่างใด และส่วนลดที่ให้จึงอยู่ในบังคับต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามข้อ 12/2 ของคำสั่งกรมสรรพากรฉบับดังกล่าว