กค 0706/พ./2168
19 กุมภาพันธ์ 2550
มาตรา 65 ทวิ (1) แห่งประมวลรัษฎากร และคำสั่่งกรมสรรพากรที่ ท.ป.4/2528
70/34790
บริษัท ท. จำกัด ประกอบกิจการให้เช่าเครื่องมือแพทย์ โดยบริษัทฯ จัดหาโดยวิธีซื้อเงินสด
และโดยวิธีทำสัญญาลีสซิ่งกับสถาบันการเงิน บริษัทฯ จึงขอทราบว่า
1. กรณีบริษัทฯ จัดหาเครื่องมือแพทย์โดยทำสัญญาลีสซิ่งกับสถาบันการเงิน บริษัทฯ จะนำ
ดอกเบี้ยและค่าเช่าตามงวดของสัญญาลีสซิ่งมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้หรือไม่
2.กรณีบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนเกิน 60 ล้านบาทและเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษี
มูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อบริษัทฯ นำเครื่องมือแพทย์ให้ลูกค้าที่เป็น
นิติบุคคลเช่าโดยทำสัญญาลีสซิ่ง บริษัทฯ ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามข้อ 6 ของคำสั่งกรมสรรพากร
ที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หัก
ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ.2528 หรือไม่
1. สัญญาลีสซิ่งเป็นสัญญาเช่าทรัพย์ประเภทหนึ่ง หากบริษัทฯ ได้จัดหาเครื่องมือแพทย์ด้วยการ
ทำสัญญาลีสซิ่งกับสถาบันการเงินเพื่อนำเครื่องมือแพทย์ดังกล่าวมาให้เช่า ค่าเช่าตามสัญญาลีสชิ่ง
และดอกเบี้ยที่จ่ายตามสัญญาลีสซิ่งที่บริษัทฯ ได้จ่ายให้แก่สถาบันการเงินถือเป็นรายจ่ายเพื่อกิจการ
โดยเฉพาะ บริษัทฯ มีสิทธินำค่าเช่าและดอกเบี้ยที่จ่ายไปถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
ตามมาตรา 65 ทวิ (1) แห่งประมวลรัษฎากรได้
2.การประกอบกิจการให้เช่าทรัพย์แบบลีสซิ่งหากบริษัทฯ มีลักษณะตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
เมื่อบริษัทฯ ให้เช่าทรัพย์สินดังกล่าว บริษัทฯ ก็จะไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายแต่อย่างใด
(ก) ผู้ให้เช่าเป็นบริษัทฯ หรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทุนจดทะเบียนที่ได้รับชำระแล้วไม่ต่ำกว่า
60 ล้านบาท และเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3
แห่งประมวลรัษฎากร
(ข) ผู้เช่าเป็นนิติบุคคล และ
(ค) กำหนดเวลาเช่าต้องมีระยะเวลาตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เว้นแต่ทรัพย์สินที่ให้เช่าเป็นทรัพย์สิน
ที่ผู้ให้เช่ายึดมาจากผู้เช่ารายอื่น ระยะเวลาในการให้เช่าอาจไม่ถึง 3 ปีก็ได้
ทั้งนี้ ตามข้อ 6 ของคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ท.ป.4/2528 ฯลฯ ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528