views

ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีประกอบกิจการรับชำระค่าไฟฟ้าด้วยเงินสด

วันที่: 12 ธันวาคม 2549
เลขที่หนังสือ

กค 0706/พ./10134

วันที่

12 ธันวาคม 2549

ข้อกฎหมาย

มาตรา 86 และมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

69/34678

ข้อหารือ

      ธนาคารฯ เป็นสถาบันการเงินของรัฐ ปัจจุบันธนาคารฯ เป็นตัวแทนรับชำระเงินแทนลูกค้า
เนื่องจากธนาคารฯ มีความประสงค์จะให้บริการแก่การไฟฟ้าฯ ในการรับชำระค่ากระแสไฟฟ้า
เป็นเงินสดหน้าเคาน์เตอร์ของธนาคารฯ โดยการไฟฟ้าฯ กำหนดให้ธนาคารฯ ต้องออกใบเสร็จ
รับเงินและใบกำกับภาษีค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่ลูกค้า และนำภาษีมูลค่าเพิ่มส่งกรมสรรพากรแทน
การไฟฟ้าฯ โดยธนาคารฯ จะเรียกเก็บค่าบริการจากผู้ใช้บริการครั้งละ 10 บาท ธนาคารฯ จึงขอทราบว่า

      1. ธนาคารฯ จะขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเฉพาะกิจการรับชำระค่ากระแสไฟฟ้าของ
การไฟฟ้าฯ ได้หรือไม่

      2. ธนาคารฯ จะออกใบเสร็จรับเงินและใบกำกับภาษีค่ากระแสไฟฟ้าให้แก่ผู้ใช้บริการและ
รับชำระภาษีมูลค่าเพิ่มค่าไฟฟ้าในนามหรือแทนการไฟฟ้าฯ ได้หรือไม่

      3. ธนาคารฯ เรียกเก็บค่าบริการจากผู้ใช้บริการครั้งละ 10 บาท ธนาคารฯ จะต้องเรียกเก็บ
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่หน้าเคาน์เตอร์สาขาของธนาคารฯ หรือไม่

แนววินิจฉัย

      กรณีธนาคารฯ ให้บริการรับชำระค่ากระแสไฟฟ้าแทนการไฟฟ้าฯ เป็นเงินสดหน้าเคาน์เตอร์
ของธนาคารฯ แยกพิจารณาได้ดังนี้

      1. กรณีการไฟฟ้าฯ เป็นผู้ประกอบกิจการขายกระแสไฟฟ้า รายได้จากการขายกระแสไฟฟ้า
ถือเป็นการขายสินค้าตามมาตรา 77/1(8) แห่งประมวลรัษฎากร อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร

      การไฟฟ้าฯ เป็นผู้ประกอบกิจการค้าปลีกตามมาตรา 86/6 แห่งประมวลรัษฎากร มีสิทธิทำสัญญา
ตั้งธนาคารฯ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวล
รัษฎากร เป็นตัวแทนออกใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/5(4) แห่งประมวลรัษฎากรได้ ตามประกาศ
อธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 68) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข
การออกใบกำกับภาษีโดยตัวแทน และกำหนดรายการในใบกำกับภาษี ตามมาตรา 86/5(4) แห่ง
ประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2538 ดังนั้น การไฟฟ้าฯ มีสิทธิทำสัญญาตั้งธนาคารฯ
เป็นตัวแทนรับชำระค่ากระแสไฟฟ้า ออกใบรับหรือใบกำกับภาษีแทนผู้ประกอบการจดทะเบียน
ตัวการโดยตัวแทนได้ หรือเป็นผู้ส่งมอบใบรับหรือใบกำกับภาษีให้แก่ลูกค้าแทนผู้ประกอบการ
จดทะเบียนตัวการ

      2. กรณีธนาคารฯ ได้รับค่าบริการจากลูกค้าผู้ใช้บริการครั้งละ 10 บาท ตามข้อเท็จจริงดังกล่าว
เข้าลักษณะเป็นการให้บริการตามมาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร อยู่ในบังคับต้องเสียภาษี
มูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2(1) แห่งประมวลรัษฎากร และเนื่องจากการให้บริการดังกล่าวของธนาคารฯ
ถือว่า เป็นกิจการเฉพาะอย่างที่มิใช่กิจการที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงกับกิจการธนาคารฯ ดังนั้น ธนาคารฯ
จึงมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการดังกล่าวตามมาตรา 91/4(1) แห่งประมวลรัษฎากร
ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการให้บริการ จึงเกิดขึ้นเมื่อได้รับชำระค่าบริการ เว้นแต่
กรณีที่มีการออกใบกำกับภาษีหรือได้ใช้บริการไม่ว่าโดยตนเองหรือบุคคลอื่น ก็ให้ถือว่า ความรับผิด
ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้น เมื่อได้มีการกระทำนั้นๆ ด้วย ตามมาตรา 78/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร
เมื่อธนาคารฯ ได้รับชำระค่าบริการด้วยเงินสด กรณีถือได้ว่า ความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจาก
การให้บริการได้เกิดขึ้นแล้ว ธนาคารฯ มีหน้าที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีและสำเนาใบกำกับภาษีสำหรับ
การรับชำระค่าบริการทุกครั้ง พร้อมทั้งส่งมอบใบกำกับภาษีให้แก่ลูกค้าผู้รับบริการตามมาตรา 86 แห่ง
ประมวลรัษฎากร ทั้งนี้ หากธนาคารฯ มีมูลค่าของฐานภาษี (รายรับ) ก่อนวันที่ 1 เมษายน 2548 เป็น
เงินเกินหนึ่งล้านสองแสนบาทต่อปี และตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2548 เป็นต้นไป เป็นเงินเกินหนึ่งล้าน
แปดแสนบาทต่อปี มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 85/1 แห่งประมวลรัษฎากร