กค 0702/9616
8 ธันวาคม 2554
มาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร
74/37935
บริษัทฯ เป็นผู้ผลิตสินค้าบรรจุกล่อง ยูเอชที พร้อมปรุง และเครื่องดื่มธัญพืชบรรจุกล่องยูเอชที จำหน่ายทั้งในประเทศ และส่งออกต่างประเทศ บริษัทฯ มีความประสงค์จะส่งพนักงานไปศึกษาต่อระดับปริญาตรีทางด้านวิศวกรรม และระดับปริญญาโทระดับปริญญาเอก ทางด้านบริหารธุรกิจ และเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่มหาวิทยาลัยภายในประเทศ ซึ่งตรงกับสายงานที่พนักงานปฏิบัติอยู่ โดยจะก่อให้เกิดประโยชน์ในการดำเนินงานของบริษัทฯ บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการศึกษาประกอบด้วยค่าเล่าเรียน ค่าบำรุงปกติ ค่าบำรุงพิเศษ และค่าบริการอื่นของ มหาวิทยาลัย บริษัทฯ จึงขอหารือ ดังนี้
1. บริษัทฯ มีสิทธินำค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียน ค่าบำรุงปกติ ค่าบำรุงพิเศษ และค่าบริการอื่นของมหาวิทยาลัยมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นจำนวน 2 เท่าของค่าใช้จ่ายได้หรือไม่ กรณีใบเสร็จรับเงินที่มหาวิทยาลัยออกในนามของพนักงาน และค่าใช้จ่ายดังกล่าวถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงานหรือไม่
2. หากพนักงานตาม 1. ลาออกก่อนจบการศึกษาและบริษัทฯ ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลแล้ว บริษัทฯ ต้องปฏิบัติอย่างไร
3. บริษัทฯ ต้องทำสัญญากับพนักงานหรือไม่ หากต้องทำสัญญา บริษัทฯ ต้องกำหนดเงื่อนไขอย่างไร เมื่อพนักงาน ได้ทำสัญญาแล้ว แต่พนักงานไม่สามารถอยู่ปฏิบัติงานได้ครบตามสัญญา บริษัทฯ ต้องรับผิดชอบหรือไม่ และค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่บริษัทฯ ได้จ่ายไปจะต้องคำนวณกลับเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงานหรือไม่
1. กรณีตาม 1. บริษัทฯ ส่งพนักงานไปศึกษาต่อระดับปริญญาในมหาวิทยาลัยภายในประเทศหากค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นประโยชน์แก่การดำเนินงานของบริษัทฯ บริษัทฯ มีสิทธินำมาเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้ นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร ส่วนกรณีการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นจำนวนร้อยละร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายไปเป็นค่าใช้จ่ายในการส่งลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรม ซึ่งทำให้บริษัทฯ มีสิทธิหักเป็นค่าใช้จ่ายได้เป็นจำนวน 2 เท่าของค่าใช้จ่ายนั้น ต้องเป็นการส่งลูกจ้างเข้ารับการศึกษาหรือฝึกอบรมในสถานศึกษาที่ทางราชการของประเทศไทยจัดตั้งขึ้น หรือสถานศึกษาตามกฎหมายว่าด้วยโรงเรียนเอกชนสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ตามกฎหมายว่าด้วยสถาบันอุดมศึกษาเอกชนหรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานเฉพาะที่มีฐานะเป็นมูลนิธิ สมาคม บริษัทที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยหรือนิติบุคคลอื่นที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายเฉพาะและการให้บริการการศึกษาหรือฝึกอบรมต้องเป็นการศึกษาหรือฝึกอบรมในประเทศไทย เพื่อพัฒนาคุณภาพ ความรู้ความสามารถ ทักษะ ฝีมือของลูกจ้างให้สูงขึ้น ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ของกิจการของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นนายจ้าง ตามมาตรา 4 (1) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 437) พ.ศ. 2548 ประกอบกับข้อ 3 และข้อ 4 ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การกำหนดสถานศึกษาหรือสถานฝึกอบรมฝีมือแรงงานที่รับลูกจ้างของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเข้าศึกษาหรือฝึกอบรม ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 กรณีใบเสร็จรับเงินที่สถาบันการศึกษาระบุชื่อพนักงาน หากบริษัทฯ พิสูจน์ได้ว่า ค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้จ่ายไปเพื่อประโยชน์ในการดำเนินกิจการของบริษัทฯ ย่อมถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี (13) แห่งประมวลรัษฎากร และไม่ถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงานผู้เข้ารับการศึกษาดังกล่าว
2. กรณีตาม 2. และ 3. การทำสัญญาการกำหนดเงื่อนไขระหว่างบริษัทฯ กับพนักงานนั้นบริษัทฯ เป็นผู้พิจารณากำหนดโดยคำนึงถึงประโยชน์ของกิจการ ทั้งนี้ บริษัทฯ ต้องมีการกำหนดเงื่อนไขให้พนักงานกลับเข้าทำงานให้แก่บริษัทฯ หลังจากสำเร็จการศึกษาหรือผ่านการฝึกอบรมแล้ว ตามข้อ 9 ของประกาศกระทรวงการคลังฯ ลงวันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2548 ดังนั้น หากพนักงานไม่สามารถอยู่ปฏิบัติงานได้ครบตามสัญญาหรือลาออกก่อนจบการศึกษา บริษัทฯ จะไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับเงินได้ของบริษัทฯ เป็นจำนวนร้อยละร้อยของรายจ่ายที่ได้จ่ายไป ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 437) พ.ศ. 2548 ประกอบกับประกาศกระทรวงการคลังฉบับดังกล่าว ดังนั้น บริษัทฯ จึงต้องยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม เพื่อปรับปรุงการใช้สิทธิหักค่าใช้จ่ายจำนวนสองเท่าดังกล่าว สำหรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่บริษัทฯ ได้จ่ายไปไม่ถือเป็นประโยชน์เพิ่มของพนักงานผู้เข้ารับการศึกษา