กค 0702/390
23 มกราคม 2566
มาตรา 50 ทวิ , มาตรา 52 , มาตรา 59 และมาตรา 3 เตรส
-
บริษัท ก. (บริษัทฯ) ได้ขออนุมัติเป็นผู้ดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ออกหนังสือรับรอง การหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงิน มีข้อเท็จจริงสรุปได้ ดังนี้
1. บริษัทฯ ประกอบกิจการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-commerce) อันเกี่ยวกับการบริการ เป็นตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตบน แอปพลิเคชัน
2. การประกอบกิจการดังกล่าว บริษัทฯ จะได้รับเงินค่าบริการจากผู้ใช้บริการ ซึ่งผู้ใช้บริการ ที่เป็นผู้จ่ายเงินได้ มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และต้องออกหนังสือรับรองการหัก ภาษี ณ ที่จ่าย ให้แก่บริษัทฯ ในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ (1) แห่งประมวลรัษฎากร รวมถึงมีหน้าที่ต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง มาตรา 59 และมาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร
3. เนื่องจากบริษัทฯ มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมากและเพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกให้แก่ ผู้ใช้บริการ อีกทั้งเพื่อเป็นการเพิ่มความสามารถในการให้บริการของบริษัทฯ ได้อย่างมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงมีความประสงค์ขออนุมัติเป็นผู้ดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ขอยกเว้นการออกหนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นรายฉบับทุกครั้งที่มีการชำระ เงินได้ค่าบริการ ตามมาตรา 50 ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย แทนผู้ใช้บริการ
1. กรณีบริษัทฯ ได้รับค่าบริการจากผู้จ่ายเงิน ซึ่งเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามข้อ 12/1 ของคำสั่ง กรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวล รัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 ผู้จ่ายเงินดังกล่าว มีหน้าที่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ให้กับบริษัทฯ ผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ (1) แห่งประมวลรัษฎากร และมี หน้าที่ต้องยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 52 วรรคหนึ่ง มาตรา 59 และ มาตรา 3 เตรส แห่งประมวลรัษฎากร
2. เนื่องจากผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตาม 1. มีจำนวนมาก ทำให้บริษัทฯ ต้องใช้เวลาในการติดตามและรวบรวมหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ในแต่ละเดือน ค่อนข้างมาก ดังนั้น บริษัทฯ มีความประสงค์เป็นตัวแทนของผู้จ่ายเงิน เพื่อออกหนังสือ รับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และนำส่งภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายแทนผู้จ่ายเงิน เข้าลักษณะ เป็นการกระทำการแทนตัวการ ตามมาตรา 797 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ โดยผู้จ่ายเงินจะต้องจัดทำสัญญาการแต่งตั้งตัวแทนและมอบอำนาจให้บริษัทฯ กระทำการ แทนเป็นลายลักษณ์อักษร โดยให้บริษัทฯ ซึ่งเป็นตัวแทนดำเนินการ ดังนี้
(1) กรณีบริษัทฯ มีหนังสือแจ้งไปยังผู้จ่ายเงิน ซึ่งมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตาม 1. ที่เป็นผู้จ่ายเงินรายเดิม โดยมีสาระสำคัญว่า “บริษัทฯ จะเป็นผู้ดำเนินการหัก ภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับค่าบริการ ออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย และยื่น รายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายแทนผู้จ่ายเงิน” โดยกำหนดระยะเวลาให้ผู้จ่ายเงินนั้น ตอบรับ เมื่อผู้จ่ายเงินตอบรับแล้ว ให้ถือว่าหนังสือแจ้งดังกล่าวเป็นข้อตกลงแต่งตั้งให้ บริษัทฯ เป็นตัวแทนได้ แต่หากเป็นผู้จ่ายเงินซึ่งมีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ณ ที่จ่าย รายใหม่จะต้องมีการแต่งตั้งตัวแทนอย่างชัดเจน
(2) กรณีบริษัทฯ หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย สำหรับค่าบริการแทนผู้จ่ายเงินแล้ว ผ่อนผันให้ ผู้จ่ายเงินไม่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำหรับการจ่ายเงินค่าบริการ ให้กับบริษัทฯ ในทันทีทุกครั้งที่มีการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 ทวิ วรรคสาม แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ จึงไม่ต้องออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายเป็นรายฉบับทุกครั้งที่มีการจ่ายเงิน แต่บริษัทฯ ต้องจัดทำรายละเอียดรายการภาษี เงินได้หัก ณ ที่จ่าย เพื่อเป็นหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายด้วย และบริษัทฯ ยังคงมี หน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินได้พึงประเมินดังกล่าว รายละเอียดของรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ต้องมีรายการอย่างน้อย ดังต่อไปนี้
(ก) คำว่า “รายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ประจำเดือน .... พ.ศ. ....” ในที่ ที่เห็นได้เด่นชัด
(ข) ชื่อ ที่อยู่ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของบริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย โดยมีข้อความว่า “ในฐานะผู้กระทำการแทนผู้จ่ายเงินได้ตามรายชื่อที่ระบุไว้ในเอกสารนี้”
(ค) ประเภทเงินได้
(ง) ชื่อ และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้จ่ายเงิน จำนวนเงินที่จ่าย และจำนวนเงิน ภาษีที่หักไว้
(จ) ลายมือชื่อผู้มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย
(3) เพื่อเป็นการรับรองว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย แทนผู้จ่ายเงิน แล้วให้บริษัทฯ ระบุข้อความเพิ่มเติมในใบเสร็จรับเงิน หรือใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี ของเงินค่าบริการ โดยมีข้อความว่า “บริษัทฯ ได้หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ในอัตราร้อยละ 3.0 เป็นจำนวนเงิน .... บาท แทนผู้จ่ายเงินแล้ว และจะดำเนินการนำส่งภาษีดังกล่าวต่อ กรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดไป” ซึ่งบริษัทฯ จะต้องจัดให้มีการ SCAN หรือ พิมพ์ลายมือชื่อผู้รับมอบอำนาจในใบเสร็จรับเงิน หรือใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี ดังกล่าวด้วย
(4) ให้บริษัทฯ ยื่นรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ตามแบบ ภ.ง.ด.53 โดยระบุในช่องผู้มี หน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย ว่า “บริษัทฯ ในฐานะผู้กระทำการแทนผู้จ่ายเงิน” ในใบแนบ ภ.ง.ด.53 พร้อมทั้งแนบรายละเอียดรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ซึ่งระบุชื่อผู้จ่ายเงิน เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้จ่ายเงิน จำนวนเงินที่จ่ายและจำนวนภาษีเงินได้ที่หัก และให้ถือว่าเอกสารรายละเอียดดังกล่าวเป็นใบต่อแบบ ภ.ง.ด.53 ด้วย ซึ่งจะจัดทำเป็น ภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้ และให้ถือว่าเป็นบัญชีพิเศษแสดงการหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย และการนำส่งภาษีตามมาตรา 17 แห่งประมวลรัษฎากร และข้อ 7 ของประกาศ อธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้และภาษีการค้า (ฉบับที่ 4) เรื่อง กำหนดให้ผู้มี หน้าที่หักภาษีเงินได้หรือภาษีการค้า ณ ที่จ่าย มีบัญชีพิเศษ ลงวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2531
(5) ให้บริษัทฯ ใช้สำเนาแบบ ภ.ง.ด.53 และหลักฐานใบเสร็จรับเงินของกรมสรรพากร ที่รับชำระภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย เป็นหลักฐานในการเครดิตภาษีตามมาตรา 60 แห่งประมวลรัษฎากร