กค 0702/7022
1 ธันวาคม 2566
มาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2499 และมาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร
-
1. รัฐบาลไทยโดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้มีหนังสือให้การรับรองเอกสิทธิ์แก่ศูนย์หนึ่งที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่สำนักงานฝ่ายการฝึกอบรม ในหนังสือระบุว่าหัวหน้าของสำนักงานฝ่ายการฝึกอบรม รองหัวหน้า และเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานฝ่ายการฝึกอบรมของศูนย์ดังกล่าวจะได้รับเอกสิทธิ์และความสะดวกเช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญภายใต้แผนการโคลัมโบในประเทศไทย ซึ่งเอกสิทธิ์ และความสะดวกของผู้เชี่ยวชาญภายใต้แผนการโคลัมโบในประเทศไทยจะได้รับการยกเว้น (ก) การจดทะเบียนคนต่างด้าว (ข) ภาษีเงินได้ของประเทศผู้รับสำหรับเงินเดือน เงินเพิ่ม และเงินได้ต่าง ๆ ที่ได้รับจากประเทศของตน ฯลฯ
2. การที่เอกสิทธิ์ลำดับต้นที่ให้ผู้เชี่ยวชาญได้รับการยกเว้นจากการจดทะเบียนคนต่างด้าวย่อมแสดงว่าผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับเอกสิทธิ์ ซึ่งจะเป็นผู้ได้รับเอกสิทธิ์ในลำดับต่อ ๆ ไป มิใช่บุคคลสัญชาติไทย
3. การรับรองเอกสิทธิ์ให้แก่ศูนย์นั้น ตาม 1. มิได้ระบุเป็นลายลักษณ์อักษร ในกรณีที่ หัวหน้าของสำนักงานฝ่ายการฝึกอบรม รองหัวหน้า และเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานฝ่ายการฝึกอบรมของศูนย์ฯเป็นบุคคลสัญชาติไทย ผู้ซึ่งได้รับเงินเดือน เงินเพิ่ม และเงินได้ต่าง ๆ ที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลไทย ว่าจะได้รับเอกสิทธิ์ในการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามประมวลรัษฎากรหรือไม่
4. กรมในฐานะหน่วยงานรัฐบาลมีหน้าที่กำกับ ดูแล และพิจารณาจัดสรรงบประมาณประจำปี สนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานฝ่ายฝึกอบรมของศูนย์ ขอหารือ ดังนี้
4.1 กรณีที่หัวหน้าของสำนักงานฝ่ายการฝึกอบรม รองหัวหน้า เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งบุคลากรทุกระดับของสำนักงานฝ่ายการฝึกอบรมของศูนย์เป็นบุคคลสัญชาติไทย จะได้รับเอกสิทธิ์ในการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือไม่
4.2 หากได้รับเอกสิทธิ์ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บุคคลตาม 4.1 ไม่ต้องยื่นแบบชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ใช่หรือไม่
4.3 หากไม่ได้รับเอกสิทธิ์ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา บุคคลตาม 4.1 มีหน้าที่ต้องยื่นแบบและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาด้วยตนเองหรือไม่ และสำนักงานฝ่ายการฝึกอบรมของศูนย์ฯ มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ด้วยใช่หรือไม่
แม้ว่าหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศ กำหนดให้ หัวหน้าของสำนักงานฝ่ายฝึกอบรม รองหัวหน้าและเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ของสำนักงานฝ่ายการฝึกอบรมของศูนย์ จะได้รับเอกสิทธิ์และความสะดวกเช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญภายใต้แผนการโคลัมโบในประเทศไทยโดยไม่ได้กำหนดว่าผู้เชี่ยวชาญเป็นบุคคลสัญชาติใดก็ตาม แต่เนื่องจากตามหนังสือของสถานเอกอัครราชทูต ระบุชัดเจนว่า รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยมีความเข้าใจว่า ผู้เชี่ยวชาญที่สหราชอาณาจักรแห่งบริเตนใหญ่และไอแลนด์เหนือ จัดให้แก่ประเทศไทยตามโครงการร่วมมือทางวิชาการแห่งแผนการโคลัมโบ และในทำนองเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญที่ประเทศไทยจัดให้แก่สหราชอาณาจักร ตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ตามทางการของเขาโดยมูลฐานของการถ้อยทีถ้อยปฏิบัติจะได้รับการยกเว้นจาก (ก) การจดทะเบียนคนต่างด้าว (ข) ภาษีเงินได้ของประเทศผู้รับสำหรับเงินเดือน เงินเพิ่มและเงินได้ต่าง ๆ ที่ได้รับจากประเทศของตน... ดังนั้น การยกเว้นภาษีเงินได้ดังกล่าว จึงเป็นการให้เอกสิทธิ์แก่บุคคลของรัฐคู่สัญญา ซึ่งมิใช่บุคคลสัญชาติไทยและได้ปฏิบัติงานในประเทศไทย
ดังนั้น กรณีบุคคลสัญชาติไทยซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าของสำนักงานฝ่ายการฝึกอบรม รองหัวหน้า เจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ รวมทั้งบุคลากรทุกระดับของสำนักงานฝ่ายการฝึกอบรมของศูนย์ในประเทศไทย จึงไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้ซึ่งเป็นเงินค่าจ้าง เงินเพิ่ม และเงินได้ต่าง ๆ ที่ได้รับจากประเทศของตนตามหนังสือแลกเปลี่ยนดังกล่าว ทั้งนี้ ตามมาตรา 3 แห่งพระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 9) พ.ศ. 2499 และสำนักงานฝ่ายการฝึกอบรมของศูนย์ฯ มีหน้าที่ต้องคำนวณหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร