views

ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีรายได้จากการจัดการประชุมวิชาการ

วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2559
เลขที่หนังสือ

กค 0702/1542

วันที่

18 กุมภาพันธ์ 2559

ข้อกฎหมาย

มาตรา 40(8) พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 250) และมาตรา 77/1 (5) แห่งประมวลรัษฎากร

เลขตู้

79/40018

ข้อหารือ

          สมาคมฯ ได้หารือเกี่ยวกับภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีที่สมาคมฯ เป็นเจ้าภาพในการจัดการประชุมวิชาการ โดยมีข้อเท็จจริงสรุปได้ดังนี้

          1.สมาคมฯ ก่อตั้งขึ้นปี พ.ศ. 2526 และจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสมาคมฯ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2527 ไม่ได้รับประกาศกำหนดให้เป็นองค์การหรือสถานสาธารณกุศล

          2.สมาคมฯ มีวัตถุประสงค์หลักในการส่งเสริมงานวิชาการ ศึกษาวิจัยและทดลองในการปรับปรุงคุณภาพและเพิ่มผลผลิตเพื่อความก้าวหน้าและความมีเสถียรภาพของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล รวมถึงร่วมมือและประสานงานด้านวิชาการกับหน่วยงานอื่น ทั้งหน่วยงานของรัฐหรือเอกชนที่เกี่ยวข้องกับวิจัยและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง

          3.สมาคมฯ ในฐานะสมาชิกสมาคมเทคโนโลยีด้านอ้อยระหว่างประเทศ (International Society of Sugar Cane Technologists หรือ ISSCT) ได้รับมอบหมาย ให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมวิชาการอ้อยและน้ำตาลนานาชาติ ครั้งที่ 29 โดยการประชุมดังกล่าวเป็นการรวมตัวกันของผู้แทนจากภาครัฐ เอกชน ผู้ประกอบการด้านอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาล และสถาบันวิจัยที่เกี่ยวข้องทั้งในและต่างประเทศเพื่อร่วมกันแลกเปลี่ยนทางวิชาการ และเพื่อจัดแสดงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอ้อยและน้ำตาล ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 5 ถึงวันที่ 8 ธันวาคม 2559 โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมประมาณ 1,500 คน จากนานาประเทศทั่วโลก การจัดประชุมดังกล่าว เป็นการจัดประชุมครั้งเดียวในรอบ 20 ปีที่ผ่านมาของสมาคมฯ และสมาคมฯ ไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะจัดอีก

          4.สมาคมฯ จะมีรายได้จากการจัดการประชุม ดังนี้

               4.1 รายได้จากการรับบริจาคเงินจากหน่วยงานของภาครัฐ อาทิเช่น สำนักงานส่งเสริมการประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) ซึ่งเป็นเงินให้เปล่า โดยสมาคมฯ ไม่ต้องทำกิจการใดเป็นการตอบแทน

               4.2 รายได้จากการสนับสนุนของภาคเอกชน โดยสมาคมฯ จะให้บัตรเข้าร่วมประชุม โฆษณาประชาสัมพันธ์หรือให้พื้นที่ออกบูธเป็นการตอบแทน

               4.3 รายได้จากการจัดสรรพื้นที่ภายในงานเพื่อให้ใช้จัดตั้งบูธและนิทรรศการต่างๆ โดยไม่ได้ส่งมอบการครอบครองพื้นที่ให้ผู้จ่ายค่าใช้พื้นที่

               4.4 ค่าลงทะเบียนเข้าร่วมประชุมทั้งจากสมาชิกและบุคคลที่ไม่เป็นสมาชิก

               4.5 รายได้จากการจัดจำหน่ายบัตรเข้าร่วมงานเลี้ยงของการประชุมและค่าอาหารให้แก่ผู้เข้าร่วมประชุม

          5.สมาคมฯ ขอหารือดังนี้

               5.1 สมาคมฯ มีหน้าที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและมีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือไม่

               5.2 รายได้ที่จะเกิดขึ้นในการจัดการประชุมในครั้งนี้จะต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือไม่ อย่างไร

               5.3 ผู้จ่ายเงินที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งจ่ายเงินได้ดังกล่าวให้แก่สมาคมฯ มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่าย หรือไม่

แนววินิจฉัย

          1. ภาษีเงินได้นิติบุคคล สมาคมฯ เข้าลักษณะเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร สมาคมฯ มีหน้าที่ต้องนำรายได้ตาม 4.2 4.3 4.4 และ 4.5 ซึ่งเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร มารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราร้อยละ 2 ของรายได้ก่อนหักรายจ่ายใดๆ ตามพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตรารัษฎากร (ฉบับที่ 250) พ.ศ. 2535 สำหรับรายได้ตาม 4.1 ซึ่งเป็นเงินหรือทรัพย์สินที่ได้รับจากการรับบริจาคหรือจากการให้โดยเสน่หา สมาคมฯ ไม่ต้องนำเงินได้ดังกล่าวมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลแต่อย่างใด ตามมาตรา 65 ทวิ (13) แห่งประมวลรัษฎากรอนึ่ง ผู้จ่ายเงินได้ที่เป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จ่ายเงินได้ตาม 4.2 4.3 4.4 และ 4.5 ซึ่งเข้าลักษณะเป็นเงินได้ตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร ให้กับสมาคมฯ ไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ตามคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 เรื่อง สั่งให้ผู้จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่าย ลงวันที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2528 แต่อย่างใด

          2.ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีที่สมาคมฯ ได้รับมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมวิชาการอ้อยและน้ำตาลนานาชาติ ครั้งที่ 29 เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในเชิงวิชาการเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านอ้อยและน้ำตาล และได้กระทำขึ้นในโอกาสที่สำคัญพิเศษเช่นกรณีนี้เท่านั้น มิได้ทำเพื่อหาผลกำไรหรือทำเป็นปกติธุระ ไม่เข้าลักษณะเป็นการประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจหรือวิชาชีพตามมาตรา 77/1 (5) แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น สมาคมฯ จึงไม่มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มและไม่มีหน้าที่ต้องยื่นคำขอจดทะเบียนแต่อย่างใด