กค 0706/271
13 มกราคม 2549
69/33820
มาตรา 65 ทวิ (9) ประกอบข้อ 4(2) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)ฯ
บริษัท ผ.จำกัด ประกอบกิจการขายแบตเตอรี่ ได้ขายสินค้าให้กับบริษัท ว.จำกัด เป็นจำนวนเงิน 17,095,950 บาท บริษัท ต. จำกัด เป็นจำนวนเงิน
1,314,840.65 บาท และนาย ส. นาง ว.เป็นจำนวนเงิน 1,247,983 บาท แต่เนื่องจากบุคคลดังกล่าวไม่ชำระเงินค่าสินค้า บริษัทฯ จึงได้ฟ้องคดีต่อศาล
ภายในกำหนดอายุความ ศาลได้พิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้องของบริษัทฯ และศาลได้มีคำบังคับหรือคำสั่งของศาลให้ลูกหนี้ชำระเงินตามคำพิพากษาแล้ว แต่ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ
จะชำระหนี้ได้ นาย ส.ซึ่งเป็นผู้บริหารและเจ้าของกิจการทั้งสองบริษัทดังกล่าวได้ปิดกิจการและหลบหนีหมายจับของศาลจังหวัดมีนบุรี บริษัทฯ เห็นว่า ตามมาตรา 65 ทวิ (9) แห่งประมวล
รัษฎากร ประกอบกับกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534) ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ ลงวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2534
และคำพิพากษาฎีกาที่ 876/2535 และที่ 1020/2540 ให้จำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ได้ บริษัทฯ จึงได้จำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ แต่เจ้าพนักงานสรรพากรสำนักบริหารภาษี
ธุรกิจขนาดใหญ่ทักท้วงว่า บริษัทฯ ยังจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ไม่ได้เพราะขาดคำสั่งของเจ้าพนักงานบังคับคดีที่ระบุว่า จำเลยหรือลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ให้ยึดมาชำระหนี้ บริษัทฯ จึงขอทราบว่า
การจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ของบริษัทฯ เป็นการถูกต้องหรือไม่
กรณีการจำหน่ายหนี้สูญจากบัญชีลูกหนี้ของบริษัทฯ บริษัทฯ สามารถใช้รายงานของทนายความในการติดตามหาทรัพย์สินของลูกหนี้เพื่อยึดบังคับชำระหนี้ตามคำพิพากษาเป็นหลักฐานประกอบการ
จำหน่ายหนี้สูญได้ ทั้งนี้ ตามมาตรา 65 ทวิ (9) แห่งประมวลรัษฎากร ประกอบกับข้อ 4(2) แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ 186 (พ.ศ. 2534)ฯ โดยบริษัทฯ ต้องแจ้งรายงานการ
ติดตามหาทรัพย์สินของทนายความเป็นหนังสือต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีและมีหลักฐานการรับทราบของเจ้าพนักงานบังคับคดี หรือบริษัทฯ อาจใช้สำเนารายงานการยึดทรัพย์ของเจ้าพนักงานบังคับคดี
ที่แสดงว่า ลูกหนี้ไม่มีทรัพย์สินใด ๆ ที่จะชำระหนี้ได้ โดยเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องรับรองความถูกต้องของรายงานด้วย