ภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีเงินค้ำประกันรับจากตัวแทนจำหน่าย

454 Views

เลขที่หนังสือ

กค 0706/พ./2804

วันที่

3 เมษายน 2549

เลขตู้

69/34051

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 82/3 และมาตรา 91/2(5) แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

      กรณีเงินค้ำประกันรับจากตัวแทนจำหน่ายของบริษัทฯ เงินประกันที่บริษัทฯ เรียก
เก็บจากผู้แทนจำหน่ายก่อนที่จะมีการซื้อขายสินค้าตามสัญญาฯ เป็นเงินที่เรียกเก็บเพื่อ
ประโยชน์ของบริษัทฯ เองในการตอบแทนให้สิทธิการเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ
และเป็นหลักประกันในการชำระค่าสินค้าและหนี้ที่ผู้แทนจำหน่ายมีต่อบริษัทฯ ในกรณีเลิก
สัญญาหากมีหนี้ค้างจ่ายบริษัทฯ ก็สามารถหักเงินประกันมาชำระหนี้ค้างจ่ายได้ทันที ดังนั้น
เงินประกันดังกล่าวจึงเป็นฐานภาษีสำหรับการให้บริการตามมาตรา 79 แห่งประมวลรัษฎากร
บริษัทฯ จึงมีหน้าที่เรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้แทนจำหน่ายตามมาตรา 82/4 แห่งประมวล
รัษฎากร และเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร โดย เงินค้ำประกัน
ดังกล่าวมิใช่เรียกเก็บเพื่อประโยชน์ในการตอบแทนให้สิทธิการเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าของ
บริษัทฯ หากแต่เป็นหลักทรัพย์ที่มีเพื่อค้ำประกันวงเงินสินเชื่อในการซื้อสินค้า เงินค้ำประกัน
ดังกล่าวจึงมิใช่รายรับจากการให้บริการที่อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม

แนววินิจฉัย

     1. เงินค้ำประกันที่บริษัทฯ เรียกเก็บจากผู้แทนจำหน่ายมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็น
หลักทรัพย์ค้ำประกันวงเงินสินเชื่อในการซื้อสินค้า ซึ่งเป็นเงินค้ำประกันทางธุรกิจที่กระทำกัน
เมื่อมีการให้วงเงินเครดิต โดยผู้แทนจำหน่ายสามารถวางหลักประกันเป็นที่ดิน อาคาร เงินสด
หรือ Bank Guarantee แบบหนึ่งแบบใดหรือมากกว่าหนึ่งแบบก็ได้ และบริษัทฯ จะพิจารณา
ให้เครดิตในวงเงินสินเชื่อประมาณ 1-2.5 เท่าของหลักประกัน หากไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
บริษัทฯ จะขายสินค้าให้แก่ผู้แทนจำหน่ายได้โดยผู้แทนจำหน่ายต้องชำระเงินค่าสินค้าทันที
และเมื่อเลิกสัญญาบริษัทฯ จะคืนเงินค้ำประกันให้แก่ผู้แทนจำหน่าย ในกรณีที่ผู้แทนจำหน่าย
นำเงินสดมาวางค้ำประกัน บริษัทฯ จะจ่ายเงินชดเชยให้ในอัตราที่ใกล้เคียงที่บริษัทฯ ได้รับ
จากธนาคาร เนื่องจากบริษัทฯ นำเงินสดที่ได้ไปฝากธนาคารและได้รับผลตอบแทน จึงต้อง
จ่ายคืนในรูปเงินชดเชยให้แก่ผู้แทนจำหน่ายทุกไตรมาส ดังนั้น เงินค้ำประกันดังกล่าวจึงมิใช
่เป็นเงินที่เรียกเก็บเพื่อการตอบแทนให้สิทธิเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าของบริษัทฯ แต่อย่างใด
ไม่ถือเป็นเงินที่บริษัทฯ ได้รับหรือพึงได้รับจากการขายสินค้าหรือการให้บริการ จึงไม่ต้องนำ
มารวมคำนวณเป็นมูลค่าของฐานภาษีในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 82/3 แห่งประมวล
รัษฎากร
      2.เงินชดเชยที่ผู้แทนจำหน่ายได้รับจากบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯ นำเงินค้ำประกันที่ได
ไปฝากธนาคาร และได้รับผลตอบแทน จึงต้องจ่ายคืนให้แก่ผู้แทนจำหน่ายทุกไตรมาสตาม
ข้อเท็จจริง เข้าลักษณะเป็นรายรับจากการประกอบกิจการโดยปกติเยี่ยงธนาคารพาณิชย์
และอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ดังนั้น ผู้แทนจำหน่ายจะต้องนำเงินชดเชยดังกล่าว
ไปคำนวณเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/2(5) แห่งประมวลรัษฎากร