ภาษีเงินได้นิติบุคคลและภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีสินค้าสูญหาย

424 Views

เลขที่หนังสือ

กค 0706/34153

วันที่

3 พฤษภาคม 2548

เลขตู้

69/34153

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 65 ตรี (12) แห่งประมวลรัษฎากร

ข้อหารือ

      เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2547 ซึ่งเป็นวันหยุดทำการของบริษัทฯ สินค้าของบริษัทฯ ได้แก่
เพชร พลอย แหวน ต่างหู จี้ สร้อยคอ และอื่นๆ อีกหลายรายการมีมูลค่ารวม 2,901,355.69 บาท
ได้ถูกโจรกรรมโดยนาย ด. และบริษัทฯ ได้แจ้งความและดำเนินคดีทางกฎหมายกับนาย ด.
ตามสำเนาคำพิพากษาของศาลอาญากรุงเทพใต้คดีหมายเลขแดง และเนื่องจากการดำเนินคดี
ได้สิ้นสุดลงแล้ว บริษัทฯ จึงขอทราบว่า ค่าเสียหายมูลค่า 2,901,355.69 บาท บริษัทฯ มีสิทธิ
นำมาบันทึกเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทฯ สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีปี 2548 และมีสิทธินำภาษีซื้อ
ของสินค้าที่ถูกโจรกรรมไปหักออกจากภาษีขายในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มได้หรือไม่

แนววินิจฉัย

     1. กรณีสินค้าของบริษัทฯ สูญหายและบริษัทฯ มีหลักฐานแจ้งชัดว่า สินค้าดังกล่าว
ถูกโจรกรรม ถือเป็นผลเสียหายเนื่องจากการประกอบกิจการ หากผลเสียหายดังกล่าวไม่มี
ประกันหรือสัญญาคุ้มกันใด ๆ บริษัทฯ มีสิทธิ นำมูลค่าต้นทุนของสินค้าทั้งจำนวนไปถือเป็น
รายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ ไม่ต้องห้ามตามมาตรา 65 ตรี
(12) แห่งประมวลรัษฎากร โดยต้องลงเป็นรายจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่ผลเสียหายดังกล่าว
เกิดขึ้น และหากภายหลังบริษัทฯ ได้รับชำระหนี้ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนในรอบระยะเวลา
บัญชีใดก็ให้นำจำนวนหนี้ที่ได้รับชำระแล้วนั้น มาลงเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีนั้นด้วย
      2. กรณีตามข้อเท็จจริงดังกล่าว สินค้าคงเหลือของบริษัทฯ สูญหาย เนื่องจาก
ถูกโจรกรรม สินค้าที่ถูกโจรกรรมเข้าลักษณะเป็นสินค้าขาดจากรายงานสินค้าและวัตถุดิบ
ถือเป็นการขายสินค้า บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากมูลค่าของสินค้าตามราคา
ตลาดของสินค้าที่ถูกโจรกรรมไปดังกล่าว ทั้งนี้ ตามมาตรา 77/1(8)(จ) มาตรา 79 มาตรา
79/3(3) และมาตรา 87(3) แห่งประมวลรัษฎากร สำหรับภาษีซื้ออันเกิดจากสินค้าที่ถูกโจรกรรม
ไปนั้น เข้าลักษณะเป็นภาษีซื้อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการประกอบกิจการ หากไม่ต้องห้ามตาม
มาตรา 82/5 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีสิทธินำมาหักออกจากภาษีขายในการคำนวณ
ภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร