กค 0811/08493
11 มิถุนายน 2541
61/26781
มาตรา 39, มาตรา 41 ทวิ, มาตรา 50(5), มาตรา 91/1(4), มาตรา 91/2(6), พระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 244) พ.ศ. 2534
นาย ก. ได้ซื้อที่ดิน ตั้งแต่ พ.ศ. 2533 ต่อมาวันที่ 30 มิถุนายน 2535 ได้โอนกรรมสิทธิ์
ให้นาง ข. ภริยาซึ่งจดทะเบียนสมรสตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 โดยไม่มีค่าตอบแทน แต่ได้ตีราคาที่ดินเป็นเงิน
500,000 บาท ซึ่งเจ้าพนักงานได้กำหนดราคาประเมินทุนทรัพย์ฯ 736,000 บาท ทราบว่าที่ดินดังกล่าว
เป็นสินสมรส ภริยาย่อมมีสิทธิในที่ดินนั้นกึ่งหนึ่ง กรณีจึงถือว่าสามีขายที่ดินในส่วนที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนให้
กับภริยาภายใน 5 ปี นับแต่วันได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ตามมาตรา 3 (6) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับ
ที่ 244) พ.ศ. 2534 อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ถูกต้องหรือไม่
ทรัพย์สินที่คู่สมรสได้มาในระหว่างสมรส ถือเป็นสินสมรสตามมาตรา 1474 (1) แห่ง
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ สามีและภริยาย่อมมีสิทธิในทรัพย์สินนั้นคนละกึ่งหนึ่ง กรณีตามข้อเท็จจริง
นาย ก. ได้โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินที่ได้มาในระหว่างสมรสให้แก่ภริยาโดยไม่มีค่าตอบแทน จึงเป็นการยก
ส่วนของตนให้กับภริยาภายใน 5 ปีนับแต่วันที่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดิน จึงมีหน้าที่เสียภาษีอากร ดังนี้
1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา การโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวถือเป็นการขายตามมาตรา
39 แห่งประมวลรัษฎากร ถือว่าผู้โอนเป็นผู้มีเงินได้ตามมาตรา 41 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร โดย
คำนวณเงินได้จากราคาประเมินทุนทรัพย์เพื่อเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมตาม
ประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งเป็นราคาที่ใช้อยู่ในวันที่มีการโอนนั้น ทั้งนี้ เฉพาะส่วนของผู้โอน และถือว่า
ผู้โอนเป็นผู้จ่ายเงินได้ตามมาตรา 50 (6) แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่หักภาษี ณ ที่จ่ายตามเกณฑ์ใน
มาตรา 50 (5) แห่งประมวลรัษฎากร
2. ภาษีธุรกิจเฉพาะ การโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวถือเป็นการขายตามมาตรา 91/1
(4) แห่งประมวลรัษฎากร เมื่อได้กระทำภายใน 5 ปี นับแต่วันที่ได้มาซึ่งที่ดินนั้น เข้าลักษณะเป็น
การขายอสังหาริมทรัพย์เป็นทางค้าหรือหากำไรตามมาตรา 3 (6) แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่
244) พ.ศ. 2534 อยู่ในบังคับต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะ ตามมาตรา 91/2 (6) แห่งประมวลรัษฎากร
โดยฐานภาษีให้ใช้ราคาที่ดินตามสัญญาซื้อขาย (ราคาที่ได้ตีราคา) หรือราคาประเมินแล้วแต่อย่างใดจะ
สูงกว่ากันตามมาตรา 91/5 (6) แห่งประมวลรัษฎากร เฉพาะส่วนของผู้โอนนั้น