กค 0911/ก.20
1 กันยายน 2543
63/29746
มาตรา 42(7), มาตรา 40(2)(5)(6)(7)(8), มาตรา 50(4)
สำนักงานปฏิรูปการศึกษา ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกา จัดตั้งสำนักงานปฏิรูปการศึกษา
พ.ศ. 2542 เป็นองค์การมหาชนเฉพาะกิจ ตามพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ.2542 มีฐานะเป็น
หน่วยงานของรัฐ ที่มิใช่ส่วนราชการหรือรัฐวิสาหกิจ ได้จ่ายค่าเบี้ยประชุมแก่ประธานกรรมการ
กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการ จึงหารือว่า
1. ค่าเบี้ยประชุมที่ประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการ ได้รับจาก
สำนักงานปฏิรูปการศึกษา ถือเป็นเงินได้พึงประเมินที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสีย
ภาษีเงินได้ ตามมาตรา 42(7) แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่ และค่าเบี้ยประชุมดังกล่าว สำนักงาน
ปฏิรูปการศึกษาต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50 แห่งประมวลรัษฎากร หรือไม่
2. กรณีสำนักงานปฏิรูปการศึกษา จ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5)(6)(7) หรือ
(8) แห่งประมวลรัษฎากร มีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(4) แห่งประมวลรัษฎากร
หรือไม่
1. สำนักงานปฏิรูปการศึกษาจัดตั้งขึ้นโดยพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานปฏิรูปการศึกษา
พ.ศ. 2542 ให้เป็นองค์การมหาชนเฉพาะกิจ จึงมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐและเป็นนิติบุคคล ตาม
มาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติองค์การมหาชน พ.ศ. 2542 สำนักงานปฏิรูปการศึกษาจึงเป็น
หน่วยงานของรัฐที่มิใช่ส่วนราชการ เมื่อสำนักงานปฏิรูปการศึกษาได้จ่ายค่าเบี้ยประชุมให้แก่
ประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการ ค่าเบี้ยประชุมดังกล่าวจึงมิใช่เบี้ยประชุมที่
ทางราชการเป็นผู้จ่ายซึ่งจะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้ตามมาตรา 42(7)
แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น ค่าเบี้ยประชุมที่ประธานกรรมการ กรรมการ ที่ปรึกษา และอนุกรรมการได้
รับจากสำนักงานปฏิรูปการศึกษา เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร ต้อง
นำมารวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร สำนักงาน
ปฏิรูปการศึกษาซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐ จึงมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(1) แห่ง
ประมวลรัษฎากร
2. กรณีสำนักงานปฏิรูปการศึกษาจ่ายเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(5)(6)(7) หรือ
(8) แห่งประมวลรัษฎากร สำนักงานปฏิรูปการศึกษามีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามมาตรา 50(4)
แห่งประมวลรัษฎากร