ภาษีเงินได้นิติบุคคล กรณีการกู้ยืมเงินตราต่างประเทศเพื่อให้กู้ยืมแก่รัฐบาลไทย

441 Views

เลขที่หนังสือ

กค 0706/9290

วันที่

9 พฤศจิกายน 2549

เลขตู้

69/34636

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 5 มาตรา 8 และพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 454) พ.ศ. 2549

ข้อหารือ

      สมาชิกของสมาคม A (สมาคมฯ) ได้มีการทำสัญญาเงินกู้เป็นเงินตราต่างประเทศระหว่าง
กิจการวิเทศธนกิจ เพื่อให้กู้ยืมแก่รัฐบาลไทย ก่อนวันที่ 17 เมษายน 2549 ซึ่งเป็นวันที่พระราชกฤษฎีกา
ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการลดอัตราและยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 454) พ.ศ. 2549
มีผลใช้บังคับ ทั้งนี้ สัญญาเงินกู้ดังกล่าวถือเป็นธุรกรรมวิเทศธนกิจ Out-Out ตามประกาศกระทรวงการคลัง
เรื่อง การประกอบกิจการวิเทศธนกิจของธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2535 ซึ่งผู้ที่ได้รับผล
ประโยชน์โดยตรงจากสิทธิประโยชน์ทางภาษีภายใต้สัญญาเงินกู้ดังกล่าว คือ รัฐบาลไทยมิใช่ธนาคาร
ผู้ให้กู้ ทั้งนี้ เพราะภาษีที่ต้องชำระเพิ่ม ทางรัฐบาลไทยต้องเป็นผู้รับภาระ ตามสัญญาเงินกู้ที่ทำไว้กับ
ธนาคาร แต่เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 454) พ.ศ. 2549 เพื่อยกเลิกสิทธิประโยชน์ทั้งปวงที่เกี่ยวกับ
การประกอบกิจการวิเทศธนกิจของธนาคารพาณิชย์ และได้กำหนดคำนิยามใหม่ของธุรกรรมวิเทศธนกิจ
Out-Out และกำหนดสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่ธุรกรรมวิเทศธนกิจ Out-Out ตามนิยามใหม่ ทั้งนี้
คำนิยามของธุรกรรมวิเทศธนกิจ Out-Out ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 454) พ.ศ. 2549 ไม่ได้ระบ
ุถึงการปล่อยกู้เงินให้แก่รัฐบาลไทย ดังนั้น สมาคมฯ จึงขอทราบว่า สัญญาเงินกู้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ
เพื่อการให้กู้ยืมแก่รัฐบาลไทย จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามธุรกรรมวิเทศธนกิจ Out-Out ที่ระบุ
ในมาตรา 5 และมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 454) พ.ศ. 2549 หรือไม่

แนววินิจฉัย

       เนื่องจากพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 454) พ.ศ. 2549 ได้ยกเลิกสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่
ผู้ประกอบกิจการวิเทศธนกิจตามประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง การประกอบกิจการวิเทศธนกิจของ
ธนาคารพาณิชย์ ลงวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2535 แต่ยังคงให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอากรแก่ธนาคาร
พาณิชย์ซึ่งกู้ยืมเงินตราจากต่างประเทศเพื่อให้กู้ยืมในต่างประเทศ (Out-Out) ทั้งนี้ การที่สมาคมฯ ได้
ทำสัญญาเงินกู้เป็นเงินตราต่างประเทศ เพื่อให้กู้ยืมแก่รัฐบาลไทย ไม่เข้าลักษณะตามคำนิยามการรับฝาก
หรือการกู้ยืมเงินตราจากต่างประเทศ เพื่อให้กู้ยืมในต่างประเทศ (Out-Out) ซึ่งระบุไว้ในมาตรา 4 แห่ง
พระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 454) พ.ศ. 2549 ซึ่งมิได้รวมถึงการให้กู้ยืมแก่รัฐบาลไทย ดังนั้น สมาคมฯ
ผู้ให้กู้จึงไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามมาตรา 5 และมาตรา 8 แห่งพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 454)
พ.ศ. 2549 จากการทำสัญญากู้ยืมเงินตราต่างประเทศ เพื่อให้กู้ยืมแก่รัฐบาลไทยแต่ประการใด