ภาษีเงินได้นิติบุคคลหัก ณ ที่จ่าย และภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีการทำสัญญาจ้างเหมาบริการ

1,137 Views

เลขที่หนังสือ

กค 0706/10132

วันที่

12 พฤศจิกายน 2547

เลขตู้

67/33207

ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 77/1(10), มาตรา 77/2(1), มาตรา 537 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ข้อหารือ

          บริษัท ร. ตกลงรับจ้างในการให้บริการขนส่งโดยใช้รถยนต์ซึ่งมีสภาพดี
ตามที่ระบุไว้ในสัญญา
ภายในพื้นที่ที่กำหนดไว้ในสัญญาโดยไม่จำกัดระยะทางพร้อมพนักงานขับรถที่มีความสามารถเหมาะสมแก่การปฏิบัติงานประจำรถยนต์แต่ละคัน
โดยปฏิบัติงานทุกวันทำการของผู้ว่าจ้าง ตั้งแต่เวลา 07.00 - 17.00 น.
โดยผู้ว่าจ้างตกลงจ่ายค่าจ้างในอัตราค่าจ้างเหมารวมภาษีและค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับค่าน้ำมัน เชื้อเพลิง น้ำมันหล่อลื่น ค่าซ่อม
ค่าบำรุงรักษาและอุปกรณ์อื่น ๆ ที่จำเป็นต่อรถยนต์ ส่วนค่าตอบแทน สำหรับการให้บริการล่วงเวลาหรือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ นอกเหนือจากนั้น
ผู้ว่าจ้างจะจ่ายให้เป็นเดือน ซึ่งจะคำนวณตามวันที่ปฏิบัติงาน และบริษัท ร. มีหน้าที่ดูแลและซ่อมบำรุงรถยนต์
ในกรณีที่รถยนต์เกิดขัดข้องใช้ไม่ได้ บริษัท ร.
จะต้องจัดหารถยนต์ที่มีคุณภาพและความสามารถในการใช้งานไม่ต่ำกว่าของเดิมมาให้บริการแทน โดยพนักงานขับรถที่บริษัท ร. จัดหามา
ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ผู้ว่าจ้างหรือผู้แทนของผู้ว่าจ้าง ถ้าหากผู้ว่าจ้างเห็นว่า พนักงานขับรถคนใดประพฤติตนไม่เหมาะสม
หย่อนความสามารถละเว้นหรือประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ผู้ว่าจ้างมีสิทธิย้ายบุคคลนั้น ออกจากการปฏิบัติงานได้ และบริษัท ร.
ต้องจัดหาบุคคลอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทนทันที

          บริษัท ร.
จะไม่เอางานทั้งหมดหรือบางส่วนแห่งสัญญานี้ไปจ้างช่วงอีกต่อหนึ่ง โดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากผู้ว่าจ้างก่อน ซึ่งบริษัท
ร. จะต้องควบคุมงานที่รับจ้างอย่างเอาใจใส่ และจะต้องรับผิดต่ออุปัทวเหตุ ความเสียหายหรือภยันตรายใดๆ
อันเกิดจากการปฏิบัติงานของบริษัท ร. และจากการกระทำของพนักงานขับรถของบริษัท ในกรณีที่บริษัท ร. ทำผิดสัญญาดังกล่าว
ผู้ว่าจ้างสามารถบอกเลิกสัญญาหรือเรียกค่าปรับและค่าเสียหายได้

          1. การให้บริการตามสัญญาดังกล่าว
เข้าลักษณะเป็นการให้บริการขนส่งในราชอาณาจักร บริษัท ร. ไม่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มใช่หรือไม่

          2. บริษัท ร. จะต้องถูกหักภาษีเงินได้ ณ
ที่จ่ายในอัตราร้อยละเท่าใด

แนววินิจฉัย

          กรณีบริษัท ร.
เป็นผู้จัดหารถยนต์พร้อมพนักงานขับรถประจำรถแต่ละคันไปใช้ในการดำเนินงานของผู้ว่าจ้างตามพื้นที่ที่กำหนดในสัญญา
แต่ไม่ได้จำกัดระยะทางตามสัญญา
โดยมีข้อตกลงว่าให้พนักงานขับรถนั้นอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ว่าจ้างหรือผู้แทนของผู้ว่าจ้างหากผู้ว่าจ้างเห็นว่า
พนักงานขับรถคนใดประพฤติตนไม่เหมาะสม หย่อนความสามารถ ละเว้นหรือประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่
ผู้ว่าจ้างมีสิทธิย้ายบุคคลนั้นออกจากการปฏิบัติงานได้ และบริษัท ร. ต้องจัดหาบุคคลอื่นมาปฏิบัติหน้าที่แทนทันที

          จึงเป็นการกำหนดข้อตกลงกันโดยผู้ว่าจ้างได้ครอบครองทรัพย์และมีอำนาจควบคุมการใช้รถ
ตลอดจนมีอำนาจออกคำสั่งให้คนขับรถของบริษัท ร. ขับรถไปใน เส้นทางใดตามความประสงค์ของผู้ว่าจ้างภายในพื้นที่ที่กำหนดไว้ได้
จึงมีลักษณะที่บริษัท ร. ได้ส่ง มอบทรัพย์ให้ผู้ว่าจ้างได้ใช้หรือได้รับประโยชน์ในรถยนต์ตามระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ในสัญญา แม้
บริษัท ร. จะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ความเสียหายหรือภยันตรายใด ๆ อันเกิดจากการปฏิบัติงานของบริษัท ร.
และการกระทำของพนักงานขับรถก็ตาม เข้าลักษณะเป็นการให้เช่า ทรัพย์สินตามมาตรา 537 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
และถือเป็นการให้บริการตาม มาตรา 77/1(10) แห่งประมวลรัษฎากร บริษัท ร. มีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2(1)
แห่งประมวลรัษฎากร และผู้จ่ายเงินค่าจ้างเหมาตามสัญญา มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 1 ตามมาตรา 69 ทวิ
แห่งประมวลรัษฎากร