กค 0706/พ./9630
20 พฤศจิกายน 2549
69/34648
มาตรา 77/1 มาตรา 78 มาตรา 80 มาตรา 86 มาตรา 86/4 มาตรา 82 มาตรา 83/8 และมาตรา 83/9 แห่งประมวลรัษฎากร
บริษัท L เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม บริษัทฯ ได้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
มาจำหน่ายในประเทศไทย และสั่งซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการในประเทศไทยมาจำหน่ายในประเทศไทย
โดยบริษัทฯ ได้ส่งสินค้าไปเก็บไว้ที่คลังเก็บสินค้าของบริษัท T ซึ่งเป็นผู้ประกอบการให้บริการเก็บและจัดส่ง
สินค้าซึ่งตั้งอยู่ในเขตปลอดอากรอีสเทิ์รนซีบอร์ด จังหวัดระยอง บริษัทฯ จึงขอทราบว่า
1. กรณีบริษัทฯ สั่งซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการในประเทศไทย โดยให้ผู้ประกอบการในประเทศไทย
ส่งสินค้าเข้าไปเก็บในเขตปลอดอากร ผู้ประกอบการในประเทศไทย ดังกล่าวจะได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ในอัตราร้อยละ 0 หรือไม่
2. กรณีบริษัทฯ ได้ขายสินค้าที่เก็บรักษาไว้ในเขตปลอดอากรให้กับลูกค้า บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องออก
ใบกำกับภาษีขายและเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ อย่างไร
2.1 กรณีบริษัทฯ ส่งมอบสินค้าที่อยู่ในเขตปลอดอากร ให้แก่ลูกค้าและลูกค้าดังกล่าวนำสินค้า
ออกจากเขตปลอดอากรโดยทำพิธีการศุลกากรเอง
2.2 กรณีบริษัทฯ นำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรโดยทำพิธีการศุลกากรในนามของบริษัทฯ และ
นำไปพักไว้ที่คลังสินค้าทัณฑ์บนเพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้า โดยลูกค้าดังกล่าวจะนำสินค้าออกจากคลังสินค้า
ทัณฑ์บนตามจำนวนที่ต้องการ
2.3 กรณีบริษัทฯ สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ โดยจ้างบริษัทรับขนส่งพัสดุภัณฑ์ทางอากาศ เช่น
DHL หรือ FED EX ให้ดำเนินพิธีการศุลกากรและส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าโดยตรง
1. กรณีบริษัทฯ ได้สั่งซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการในประเทศไทย โดยให้ผู้ประกอบการในประเทศไทย
ดังกล่าว ส่งสินค้าเข้าไปเก็บไว้ที่คลังเก็บสินค้าของบริษัท T ซึ่งอยู่ในเขตปลอดอากร ตามข้อเท็จจริงข้างต้น
เข้าลักษณะเป็นการขายสินค้าในราชอาณาจักรซึ่งอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่ง
ประมวลรัษฎากร ดังนั้น ผู้ประกอบการในประเทศไทยจึงมีหน้าที่ต้องจัดทำใบกำกับภาษีตามมาตรา 86/4
แห่งประมวลรัษฎากร และส่งมอบให้แก่บริษัทฯ เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นในอัตรา
ร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 78 มาตรา 80 และมาตรา 86 แห่งประมวลรัษฎากร และเมื่อผู้ประกอบการในประเทศไทย
ส่งสินค้าเข้าไปในเขตปลอดอากร โดยทำพิธีการศุลกากรนำเข้าสินค้า แม้ใบขนสินค้าขาเข้าจะเป็นชื่อของ
ผู้ประกอบการในประเทศไทย แต่ผู้ที่ได้รับสิทธิเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 0 ได้แก่ บริษัทฯ เนื่องจาก
ถือว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำสินค้าเข้าไปในเขตปลอดอากรและผู้ประกอบการในประเทศไทยขายสินค้าดังกล่าว
ในราชอาณาจักร
2. กรณีบริษัทฯ ได้ขายสินค้าที่เก็บรักษาไว้ในคลังสินค้าในเขตปลอดอากรให้แก่ลูกค้า ซึ่งอยู่นอกเขต
ปลอดอากร กรณีดังต่อไปนี้
2.1 กรณีบริษัทฯ ขายสินค้าให้แก่ลูกค้า โดยบริษัทฯ ได้โอนสิทธิในสินค้าที่เก็บไว้ที่คลังเก็บ
สินค้าของบริษัท T ซึ่งอยู่ในเขตปลอดอากร ให้แก่ลูกค้า โดยลูกค้าดังกล่าวเป็นผู้นำสินค้าออกจากเขต
ปลอดอากรโดยทำพิธีการศุลกากรเอง กรณีดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการขายสินค้าในราชอาณาจักรซึ่งอยู่
ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องออก
ใบกำกับภาษีเมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 78(1) และ
มาตรา 80 แห่งประมวลรัษฎากร และหากลูกค้าดังกล่าวเป็นผู้นำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรโดยทำ
พิธีการศุลกากรเอง ลูกค้าในฐานะผู้นำเข้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มจากการนำเข้าในอัตราร้อยละ
7.0 ตามมาตรา 77/1(11) มาตรา 82 และมาตรา 83/8 แห่งประมวลรัษฎากร
2.2 กรณีบริษัทฯ ขายสินค้าให้แก่ลูกค้า ซึ่งอยู่นอกเขตปลอดอากร โดยบริษัทฯ นำสินค้าออก
จากเขตปลอดอากรโดยทำพิธีการศุลกากรในนามของบริษัทฯ และนำไปพักไว้ที่คลังสินค้าทัณฑ์บน
เพื่อส่งมอบให้แก่ลูกค้า โดยลูกค้าดังกล่าวจะนำสินค้าออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนตามจำนวนที่ต้องการ
กรณีดังกล่าวเข้าลักษณะเป็นการขายสินค้าในราชอาณาจักรซึ่งอยู่ในบังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตาม
มาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร ดังนั้น บริษัทฯ จึงมีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษีเมื่อความรับผิด
ในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 78(1) และมาตรา 80 แห่งประมวล
รัษฎากร และหากบริษัทฯ กระทำพิธีการนำสินค้าออกจากเขตปลอดอากรและนำสินค้าเข้าไปใน
คลังสินค้าทัณฑ์บนตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร บริษัทฯ ผู้นำสินค้าเข้าไปในคลังสินค้าทัณฑ์บน
จะวางเงินประกัน หลักประกัน หรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันเพื่อเป็นประกันภาษีมูลค่าเพิ่มแทนการชำระ
ภาษีก็ได้ และถ้าภายหลังสินค้านั้นได้ปล่อยออกจากคลังสินค้าทัณฑ์บนโดยมิใช่เพื่อการส่งออก
ผู้นำเข้าที่มีหน้าที่เสียภาษีมูลค่าเพิ่มต้องยื่นใบขนสินค้าและชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเจ้าพนักงานศุลกากร
พร้อมกับการชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากรตามมาตรา 83/8 วรรคสอง และมาตรา 83/9
แห่งประมวลรัษฎากร
2.3 กรณีบริษัทฯ สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศในนามของบริษัทฯ โดยว่าจ้างบริษัทรับขนส่ง
พัสดุภัณฑ์ทางอากาศ เช่น DHL หรือ FED EX ให้ดำเนินพิธีการศุลกากรและส่งสินค้าให้แก่ลูกค้า
โดยตรง กรณีดังกล่าว บริษัทรับขนส่งพัสดุภัณฑ์ทางอากาศเป็นผู้นำเข้ามีหน้าที่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
โดยชำระภาษีมูลค่าเพิ่มต่อเจ้าพนักงานศุลกากรพร้อมกับการชำระอากรขาเข้าตามกฎหมายว่าด้วย
ศุลกากร ตามมาตรา 83/8 แห่งประมวลรัษฎากร และสำหรับการขายสินค้าให้แก่ลูกค้าดังกล่าวอยู่ใน
บังคับต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 77/2 แห่งประมวลรัษฎากร บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษี
เมื่อความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นในอัตราร้อยละ 7.0 ตามมาตรา 78(1) มาตรา 80 และ
มาตรา 86 แห่งประมวลรัษฎากร